TODAY SHOW 20 เปิดชีวิต! เรียนหมอศัลยกรรมเเละปรับโหงวเฮ้งจากจีน

บทสัมภาษณ์ มีดังนี้

คุณต๋อย ไตรภพ

“ ก่อนอื่นขอบคุณมากที่มาร่วมรายการ ดูรายการที่ทำใน Social Media คือพูดจามันมีเหตุมีผล มีหลักการ มีอะไรหลาย ๆ อย่าง ก็เลยสืบประวัติจึงรู้ว่าเป็นหมอ ก็ตกใจมากว่าเป็นหมอจริง ๆ หรอ ซึ่งก็เป็นหมอจริง ๆ และเป็นพี่น้องกันด้วย ขอเค้าประเด็นเลยแล้วกัน 

“ทำไมถึงอยากเรียนหมอ ???”


คุณหมอส้ม

“ อันที่จริงตรองบอกก่อนว่า เป็นแผนของคุณแม่ค่ะ เพราะในตอนเด็กหนูจะชอบกิจกรรมของโรงเรียนเป็นอย่างมากเลยค่ะ เช่น ดามเมเยอร์ เพราะหนูเรียนในระดับปานกลางค่ะ แต่จะเก่งเป็นบางวิชา แต่ก็โชคดีที่เก่งวิชาที่เกี่ยวกับวิทยาศาสตร์”


คุณต๋อย ไตรภพ

“ทิ้งไว้นิดหนึ่งก่อน แล้วตอนเด็ก ๆ หนูเกรซเป็นคนยังไง?”


คุณหมอเกรซ

“ของเกรซในวัยเด็กมีหลายอาชีพมากค่ะ เคยอยากเป็นดีไซน์เนอร์ (designer) เพราะเกรซกับพี่ส้มชอบเย็บปักถักร้อยต่าง ๆ ชอบเย็บชุดตุ๊กตาเพราะจะมีตุ๊กตาบาร์บี้คู่ใจกันคนล่ะตัว พอมาตอนช่วงมัธยมปลายก็อยากเป็นหมอฟันอีกค่ะ และพอพี่หมอส้มได้ไปเรียนเรื่องของการแพทย์ ก็มีเพื่อนของคุณแม่ที่เป็นหมอรักษาโรคทั่วไปก็ได้แนะนำให้เกรซลองเรียนเป็นหมอรักษาโรคทั่วไปไหม ก็เลยเปลี่ยนเลยค่ะ”


คุณต๋อย ไตรภพ

“เบนเข็มเลย?”


คุณหมอเกรซ

“ใช่ค่ะ” 


คุณต๋อย ไตรภพ

“แต่จริง ๆ แล้วเป็นคนรักศิลปะมาตั้งแต่เด็ก ๆ ?”


คุณหมอเกรซ

“ใช่ค่ะ” 


คุณต๋อย ไตรภพ

“ทั้งคู่ ? เพราะคนนึงก็ชอบ ดามเมเยอร์ คือชอบความสวยความงาม?”


คุณหมอส้มและคุณหมอเกรซ

“ใช่ค่ะ” 



คุณต๋อย ไตรภพ

“ซึ่งมันสำคัญมากกับอนาคต โดยเธอไม่รู้มาก่อนว่าในสิ่งที่เธอถูกปลูกฝังมาจากทางบ้านด้วย จากคุณพ่อคุณแม่ด้วยและตัวเธอเองว่ามันคือศิลปะ”

“เมื่อพอไปเรียนหมอที่เมืองจีน อยู่ที่มหาวิทยาลัยไหนครับ ?”


คุณหมอส้ม

“ เรียนอยู่ที่ ถงจิ้น เมดิคอล คอลเลจค่ะ จริง ๆ เป็นมหาวิทยาลัยของประเทศจีนค่ะ จะต้องเรียนแยกคลาส ถ้าเป็นคนจีนสก็จะเรียนในคลาสจีน ส่วนเราก็จะเรียนในคลาสนานาชาติ”


คุณต๋อย ไตรภพ

“เรียนยากไหมลูก?”


คุณหมอส้ม

“ก็ต้องขอบอกตามตรงค่ะว่าด้วยวิชาหมอมันก็จะเรียนยากอยู่แล้วค่ะ เพราะจะมีในเรื่องของการขึ้น พรีคลีนิค (“Pre-clinic” จะเป็นการเรียนในห้องเลกเชอร์ก่อนที่จะนำความรู้ไปใช้จริงในการรักษาคนไข้ ซึ่งในชั้น Pre-clinic จะเป็นนักเรียนแพทย์ชั้นปี 1-3 ส่วนนักเรียนแพทย์ชั้น “Clinic” จะเป็นนักเรียนแพทย์ชั้นปี 4 – 6 ซึ่งจะเป็นการเรียนรู้จริงๆ กับผู้ป่วยจริงภายใต้การดูแลของอาจารย์แพทย์หรือแพทย์รุ่นพี่อย่างใกล้ชิด) และจะต้องมีสอบในเรื่อง  HSK การสอบภาษาจีน (HSK คืออะไร HSK ย่อมาจาก The Hanyu Shuiping Kaoshi เป็นการทดสอบความเชี่ยวชาญด้านภาษาจีนสำหรับชาวต่างชาติผู้ที่ไม่ได้ใช้ภาษาจีนเป็นภาษาแม่ โดยเป็นการสอบข้อเขียนที่ทดสอบทักษะด้านการฟัง การอ่าน และการเขียน ดำเนินการจัดสอบโดยสำนักงานส่งเสริมการสอนภาษาจีนนานาชาติ (HANBAN) กระทรวงศึกษาธิการประเทศจีน) เพราะเราต้องไปคุยกับคนไข้คนที่เป็นจีน”


คุณต๋อย ไตรภพ

“ก็ใช่น่ะสิ (คุณต๋อยกำลังพูดตลก) ขอโทษนะครับ ผมไม่ได้ล้อนะครับ(ยกมือไหว้) กรุณาอย่าเข้าใจผิดนะครับ เพราะไม่ใช่ฟังและจะเข้าใจได้ง่าย ๆ”


คุณหมอส้ม

“ใช่ค่ะ และโรคก็จะต่างจากโรคของคนไทยด้วยค่ะ”


คุณต๋อย ไตรภพ

“และเมื่อหนูเทคคอร์สไปแล้วเริ่มที่ปี 1 ปี 2 ปี 3 หนูก็จะรู้ความยากของมันแล้ว”


คุณหมอส้ม

“ยากค่ะ”


คุณต๋อย ไตรภพ

“แล้วไปพูดกับน้องแบบไหนถึงให้น้องไปเรียนต่อได้? เพราะก็น่าจะรู้ว่าพี่เรียนยากขนาดนั้น?”


คุณหมอเกรซ

“อาจจะเป็นเพราะครอบครัวด้วยค่ะ เมื่อพี่สาวไปแล้วคุณแม่ก็บอกว่าถ้าอย่างนั้นน้องก็อย่าได้รอช้าก็ตามไปเลยค่ะ”


คุณต๋อย ไตรภพ

“เป็นเพราะคุณแม่ ที่ส่งเสริมให้ลูกไป”


คุณหมอส้มและคุณหมอเกรซ

“ใช่ค่ะ” 


คุณหมอเกรซ

“เพราะที่บ้านเป็นครอบครัวคนจีนด้วยค่ะ จึงอยากได้ในเรื่องของภาษาด้วย”


คุณต๋อย ไตรภพ

“เพราะฉะนั้นหนูก็ตามไปเรียนมหาวิทยาลัยเดียวกัน?”


คุณหมอส้มและคุณหมอเกรซ

“ใช่ค่ะ มหาวิทยาลัยเดียวกัน”

คุณต๋อย ไตรภพ

“ส้มเวลาที่หนูไปเรียน หนูสอบสาขาอะไร ชอบอะไรเป็นพิเศษเวลาที่หนูไปเรียน?”

คุณหมอส้ม

“เวลาที่หนูไปเรียนหมอที่ประเทศจีน วันเสาร์-อาทิตย์หนูก็ต้องไปเรียนฝังเข็มเป็น specialist อีกหนึ่งอย่าง และเวลาที่หนูกลับมาเมืองไทยก็จะไม่ได้พัก เพราะคุณแม่ก็จะคอยโทรหาเพื่อน ๆ ที่เป็นคุณหมอ เพื่อจะส่งหนูทั้ง 2 คนไปวนตามวอร์ดศัลยกรรมและวอร์ดเกี่ยวกับความงามก็เลยซึมซับมาตั้งแต่ตอนนั้นค่ะ 

คุณต๋อย ไตรภพ

“ตั้งแต่เด็กเลย?” คือพูดง่าย ๆ พอกลับมาจากเมืองจีนแทนที่จะได้พักก็คือไปวนอยู่อย่างนี้

คุณหมอส้มและคุณหมอเกรซ

“ใช่ค่ะ” 

คุณหมอเกรซ

“เข้าโรงพยาบาลต่อเลยค่ะ”

คุณต๋อย ไตรภพ

“เพื่อให้เห็นการทำงานของหมอ” แต่เธอ(คุณหมอส้ม)ก็เรียนฝังเข็มแบบจีนด้วยใช่ไหม?

คุณหมอส้ม

“ใช่ค่ะ แต่น้องสาว(คุณหมอเกรซ)ก็จะถนัดในด้านนี้เลยค่ะ”

คุณต๋อย ไตรภพ

“อ๋อ เรียนด้วยเหมือนกัน ?”

คุณหมอส้มและคุณหมอเกรซ

“ใช่ค่ะ” 

คุณต๋อย ไตรภพ

“โห เด็ดมากเลย” เพราะฉะนั้นพอเธอ (คุณหมอส้ม) จบมา จบหมอในด้านอะไร ?”

คุณหมอส้ม

“คือตอนที่จบหมอมาจากประเทศจีนจะต้องจบหมอทั่วไปก่อน และหลังจากนั้นหนูก็มีโอกาสได้เข้าไปฝึกงานที่สถาบันปรับรูปหน้าชื่อดังแห่งหนึ่ง และด้วยความที่ส้มโชคดีมีเคทรักษาค่อยข้างเยอะมาก บริษัทยาที่เป็นบริษัทเกี่ยวกับสารเติมเต็ม ไฮยาลูรอนิค แอซิด (HA : Hyaluronic Acid) เค้าก็ได้ส่งส้มไปต่างประเทศเพื่อไปศึกษาและเค้าก็ได้แอบมาดูเทคนิคที่เรารักษาคนไข้ ทางบริษัทจึงเชิญให้ส้มเป็นอาจารย์สอนฉีดฟิลเลอร์ปรับรูปหน้าค่ะ

คุณต๋อย ไตรภพ

“แล้วหนูล่ะเกรซ?”

คุณหมอเกรซ

“ของเกรซก็จะเรียนเสริมรูปหน้าและปรับโหงเฮ้งค่ะ”

คุณต๋อย ไตรภพ

“เธอไปเรียนอย่างนี้มาและกับวิชาทางวิทยาศาสตร์มันเข้ากันไหม”

คุณหมอเกรซ

“เข้ากันนะคะคุณอา จริง ๆ แล้วเนี่ยศาสตร์ของการปรับรูปหน้าก็แบ่งสัดส่วนของ โกลเด้นเรโช 3 ส่วนเท่ากัน (Golden Ratio สัดส่วนทองคำบ่งบอกความสวยบนใบหน้าเป็นสัดส่วนที่ทางนักคณิตศาสตร์ชาวอิตาลีชื่อว่าลีโอนาโด ฟีโบนัชชี เป็นคนออกแบบ โดยเชื่อว่า Golden Ratio เป็นสิ่งที่ช่วยให้สิ่งต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นรูปวาด ภาพถ่าย โลโก้ หรือแม้กระทั่งใบหน้านั้น ดูสมส่วนสวยงามที่สุด ซึ่ง Golden Ratio นั้น ก็ได้รับการยอมรับจากผู้คนมากมายว่าสามารถใช้วัดสัดส่วนความสวยได้จริง ไม่ใช่แค่ศัลยแพทย์ที่ใช้  Golden Ratio วัดสัดส่วนใบหน้าเท่านั้น ช่างภาพ และ นักออกแบบต่างก็ใช้ Golden Ratio ในการวัดสัดส่วนความสวยสมบูรณ์เช่นกัน)  

คุณต๋อย ไตรภพ

“อ๋อ เรียกว่า โกลเด้นเรโช” ยังไง?”

คุณหมอส้ม

“คือจริง ๆ แล้วมิติใบหน้าของคนเรา  คือจะมองมิติหน้าตรง ที่เรียกว่า ฟรอนเทอร์วิว (front view) จะวัดเป็น 3 ส่วน คือวัดจากไรผมจนถึงหว่างคิ้วเป็นสัดส่วนที่ 1  สัดส่วนที่ 2 คือจากหว่างคิ้วจนถึงปลายจมูกและสัดส่วนสุดท้าย(สัดส่วนที่ 3 ) จากปลายจมูกจนถึงปลายคาง ทั้ง 3 สัดส่วนจะต้อง 1:1:1 เท่ากัน และด้านข้างก็จะต้องมีมิติในเรื่องของ โอ จี เคิฟ (ลักษณะโค้งมน) พวกนี้ด้วยค่ะคุณอา ซึ่งรายละเอียดจะเยอะมาก 

คุณต๋อย ไตรภพ

“เพราะฉะนั้นสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้มารวมกัน และเป็นการปรับแต่งหน้า”

คุณหมอส้มและคุณหมอเกรซ

“ใช่ค่ะ”

คุณต๋อย ไตรภพ

“แต่สิ่งที่ทำตอนนี้เกี่ยวกับความสวยความงามโดยเฉพาะ ?”

คุณหมอส้มและคุณหมอเกรซ

“ใช่ค่ะ”

คุณต๋อย ไตรภพ

“ขอถามเข้าเรื่องเลย “ฟิลเลอร์ คืออะไร”?

คุณหมอส้ม

“ขอแบ่งออกเป็น 2 ประเภทด้วยกันค่ะ เพราะคนส่วนใหญ่มักจะเข้าใจว่าฟิลเลอร์นั้นเป็นซิลิโคนเหลว แต่ถ้าเป็นฟิลเลอร์ตัวที่หมอส้มเป็นอาจารย์แพทย์ในการสอนฉีดปรับรูปหน้านั้นจะเป็นสาร ไฮยาลูรอนิค แอซิด (HA : Hyaluronic Acid) ถ้าเป็นฟิลเลอร์ที่ปลอดภัยจะต้องเป็นสารประกอบของ ไฮยาลูรอนิค แอซิด เท่านั้นค่ะ ซึ่งสารนี้จะต้องสลายเอง 100%”

คุณต๋อย ไตรภพ

“ในฐานะที่คุณเป็นหมอถ้ามีคนหนึ่งมาเป็นคนไข้ ทำไมเค้าจะต้องฉีดฟินเลอร์ครับ?”

คุณหมอส้ม

“เพราะว่าการฉีดฟิลเลอร์นั้นจะรักษาในบริเวณที่เป็นร่องลึกต่าง ๆ เช่น ใต้ตาลึกร่องแก้ม หรือแก้มตอบขมับตอบ เพราะเกิดจากภาวะกระดูกทรุดและไขมันหาย เพราะฉะนั้นเราจึงเติมเต็มเข้าไป”

คุณหมอเกรซ

“เสริมจากพี่หมอส้มนะคะ คือการเรียนในเรื่องของการปรับรูปหน้า หรือในเรื่อง

 structure (โครงสร้าง) ต่าง ๆ เมื่อเราอายุมากขึ้นมันจะชะลอไม่ได้อยู่แล้วค่ะในเรื่องของกระดูกที่ทรุดตัวลง ดังนั้น ที่ไขมันเหลือยู่ก็จะทรุดตามลงไปด้วย

คุณต๋อย ไตรภพ

“ที่บอกว่ามันจะปรับเปลี่ยนไปตามสภาพ ซึ่งมันเป็นเรื่องของธรรมชาติที่หนีไม่พ้น”

คุณหมอส้มและคุณหมอเกรซ

“ใช่ค่ะ

คุณต๋อย ไตรภพ

“เราเคยคิดว่า เรามีโหนกแก้มอยู่ตรงนี้ตลอดกาลซึ่งมันไม่จริง?”

คุณหมอส้มและคุณหมอเกรซ

“ไม่จริงค่ะ”

คุณต๋อย ไตรภพ

“คิ้ว ตา ที่เคยอยู่ตรงนี้มันก็จะไล่ลงมา?”

คุณหมอส้มและคุณหมอเกรซ

“ใช่ค่ะ

คุณหมอส้ม

“แล้วแต่ว่าเอนไซม์ (Enzyme) ภายในร่างกายที่ย่อยสลายพวกกระดูกต่าง ๆ หรือว่า structure(โครงสร้าง) ต่าง ๆ ของแต่ล่ะคนนั้นมันจะไม่เท่ากัน และปัญหาของแต่ล่ะคนก็จะไม่เท่ากัน

ให้สังเกตหลัก ๆ ก็คือ ในเรื่องของขมับทรุด ใต้ตาหาย 

คุณต๋อย ไตรภพ

ขมับทรุดเนี่ยนะ?” และอายุเท่าไหร่ขมับทรุด?”

คุณหมอส้ม

“แล้วแต่คนค่ะ เวลาขมับทรุดจะเป็นที่มาของหนังตาตกเพราะตรงนั้นจะมีเอ็นยึดตาของเราอยู่”

คุณต๋อย ไตรภพ

“ขมับทรุด หนังตาก็จะตกเพราะมันมีเอ็น…??”

คุณหมอส้มและคุณหมอเกรซ

“ เพราะมันมีเอ็นยึดหน้ายึดตาเราอยู่ค่ะ”

คุณหมอส้ม

“ถ้าเจอคุณหมอที่มีประสบการณ์จะสามารถเลือผลิตภัณฑ์ที่เหมาะกับคนไข้และก็มีเทคนิคที่สามารถยก structure(โครงสร้าง) ตัวนั้นขึ้นมาได้ค่ะ”

คุณหมอเกรซ

“นอกจากเติมเต็มแล้วยังสามารถยกส่วนที่มีปัญหาตรงจุดนั้นขึ้นมาได้อีกด้วย”

คุณต๋อย ไตรภพ

“โห วัน ๆ ชีวิตพวกเธออยู่แต่เรื่องกับพวกนี้เลยนะ”

คุณหมอส้มและคุณหมอเกรซ

“ใช่ค่ะ”

คุณต๋อย ไตรภพ

“ทำงานอยู่กับสิ่งเหล่านี้ใช้ชีวิตมีความสุขไหม?”

คุณหมอส้มและคุณหมอเกรซ

“มีความสุขค่ะคุณอา”

คุณต๋อย ไตรภพ

“เธอเหมือนฝาแฝด ฉันถามคนนึง คนนึงตอบได้เลย และมีความสุขแบบไหนที่เรียกว่ามาก?”

คุณหมอส้ม

“ด้วยความที่เป็นคนชอบเรียนวิชาศิลปะ แต่คุณแม่บอกว่าส้มควรจะเรียนแพทย์ แต่ก็อย่างที่หนูเล่าค่ะคุณอา ว่าหนูเป็นเด็กเรียนปานกลาง เรียนเก่งแค่บางวิชา หนูก็ตั้งคำถามว่าทำไม ?  คุณแม่บอกว่าเวลาที่หนูเขียนหนังสือตั้งแต่หน้าแรกจนถึงหน้าสุดท้ายเปรียบเสมือนหนังสือเล่มใหม่คือไม่รู้ว่าหนังสือนั้นใช้มาแล้ว แต่หนูก็ยังตั้งคำถามอยู่นะคะ “เรื่องแค่นี้นะคะคุณแม่?” จนกระทั้งหนูจบแพทย์ หนูเลยเข้าใจว่า คนเป็นแพทย์ คือเราทั้ง 2 คนต้องมีใบประกอบโรคศิลป์ ซึ่งคนเป็นแพทย์จะมีศิลปะในการออกแบบรูปหน้าของแต่ล่ะคน หรือการรักษาของแต่ล่ะคนที่เหมาะกับบุคคลนั้น ๆ แต่ในขณะเดียวกัน ส้ม ก็จะต้องมี Evidence (พิสูจน์หลักฐาน) ทางวิทยาศาสตร์ เลือกสิ่งที่เหมาะสมและปลอดภัยสำหรับคนไข้ให้มากที่สุดค่ะ” 


คุณต๋อย ไตรภพ

“ใช่ อันนี้สำคัญจริง ๆ ถึงได้บอกว่าคนทำด้านนี้ส่วนใหญ่จะต้องมีจิตใจที่เป็นศิลปะนะ ถ้าไม่มีสงสัยยากนะ”


คุณหมอเกรซ

“ไปตรงไหนก็จะชอบประเมินหน้าทุกคน ชอบประเมินชอบดูแบบว่า ทำไมเค้าสวย ทำไมเค้า

โหงเฮ้งดีจังนะ ชอบประเมินความสวยของแต่ล่ะคน แต่ก็เก็บไว้ในใจนะคะไม่ได้พูดออกไปค่ะ”


คุณหมอส้ม

“ความสุขของเรา 2 คนคือ ส่วนใหญ่คนไข้ที่มาปรับรูปกับเราเค้ากลับมาก็จะบอกว่า “หมอส้ม พี่รู้สึกมั่นใจมากขึ้น เวลาที่เจอผู้คนและเพื่อนทักแม้กระทั่งคนข้างกาย วัน ๆ ไม่ทำอะไรมองแต่หน้าพี่” ซึ่งมันเป็นความสุขแบบนั้นมากกว่า”


คุณหมอเกรซ

“นอกจากจะได้เรื่องของความสวยแล้ว ก็ยังได้ในเรื่องของธุรกิจหน้าที่การงานของพวกเค้าด้วย ซึ่งคนไข้มาเล่าให้ฟังค่ะ”


คุณต๋อย ไตรภพ

“ทำอย่างนี้สำคัญมาก มั่นใจ ความมั่นใจมันดีมากเพราะสำหรับคนบ้างคนต้องการจริง ๆ นะ และบางทีเค้าสร้างเองไม่ได้ เราช่วยเค้าได้ไหม?”


คุณหมอส้ม

“เราช่วยเค้าได้ค่ะ แต่ต้องอยู่ในความพอดี และก็หาเส้นตรงกลาง เราต้องคุยกัน”


คุณต๋อย ไตรภพ

“พวกเธออายุยังน้อยกันมากเลยนะ และยังมีเส้นทางเดินอีกไกล อะไรคือสิ่งปราถนาในชีวิต หมอเกรซ?”


คุณหมอเกรซ

“เพราะเราชอบทางด้านนี้ ก็อยากจะทำให้ประสบความสำเร็จให้มากที่สุด หากใครประสบปัญหาในเรื่องนี้ก็อยากจะดูแลและแก้ไขให้เค้าดีขึ้นค่ะ”


คุณหมอส้ม

“ส่วนตัวส้มเองที่เป็นอาจารย์แพทย์เกี่ยวกับการปรับรูปหน้า จริง ๆ มันก็คือความรู้ของหนูแต่ว่าสิ่งที่หนูอยากมอบให้กับแพทย์ที่มาเรียนก็คือเพื่อให้เค้ารู้ว่าการที่ได้มาเรียนเพื่อรักษาคนไข้นั้น หากผิดตรงไหนเค้าจะได้แก้ไขได้ทันท่วงที แต่หลัก ๆ ก็คือต้องการให้คนไข้ได้รับสิ่งที่ปลอดภัยมากที่สุด ก็เลยต้องมีการสอนเกิดขึ้นค่ะ เพราะว่าการปรับรูปหน้าจะไม่มีสอนในมหาวิทยาลัย”


คุณต๋อย ไตรภพ

“เพราะมันต้องผ่านประสบการณ์ ถ้ามีอะไรอยากจะบอกกับคนทั่ว ๆ ไป มีอะไรอยากจะบอกพวกเค้าเกี่ยวกับการดูแลหน้าตา มีอะไรอยากจะพูดและจะพูดว่าอะไรเกรซ?”


คุณหมอเกรซ

“ด้วยเรื่องของการปรับรูปหน้าด้วยเรื่องของวัยเราไม่สามารถที่จะยื้อหรือชะลอวัยได้ แต่ก็ขึ้นอยู่กับแต่ล่ะบุคคลด้วยค่ะว่าเค้าชอบแบบไหน บางคนก็ชอบแบบปล่อยไปตามธรรมชาติว่าฉันมีความสุขที่จะเป็นแบบนี้ แต่ถ้าบางคนอยากจะเสริมความมั่นใจหรืออยากจะสต๊าฟหน้าแบบนี้ให้มันอยู่คงรูปไว้ตลอด มันก็จะมีวิวัฒนาการตามช่วงอายุค่ะ”


คุณหมอส้ม

“นอกจากเราจะดูแลจากภายนอกแล้วนั้นนะคะคุณอา หนูอยากขอแนะนำให้ทานวิตามินบำรุงเสริมด้วย” 


คุณต๋อย ไตรภพ

“ดูแลจากภายใน แต่จริง ๆ เดี๋ยวนี้เค้าพูดกันเยอะมากนะ มันมีสัก 4-5 ตัวใช่ไหม?”


คุณหมอส้ม

“ใช่ค่ะ หลัก ๆ ก็จะมีวิตามินซี, วิตามินบี 6 , วิตามิน โค คิวเทน (วิตามิน โคเอนไซม์ คิวเทน), Fish Oil และ วิตามินดี 3 ที่คนไทยค่อนข้างขาดกันเยอะ 


คุณต๋อย ไตรภพ

“ไม่น่าเชื่อเลยนะ แดดก็เต็มบ้านแต่เราขาดวิตามินดี 3 คุณเชื่อไหมว่าคุณหมอให้วิตามินดีกับคนไทย แต่คนไทยตกใจเพราะแดดเป็นแบบนี้ให้วิตามินดีได้ไง เพราะขาดดี 3 เพราะยังไงเราก็ต้องปรึกษาหมอ”


คุณหมอส้ม

“ใช่ค่ะ คนไทยขาดวิตามินดีเยอะมาก”


คุณต๋อย ไตรภพ

“และขอบคุณมากที่มาร่วมรายการกับผม ท่านผู้ชมครับ หมอส้มและหมอเกรซครับ”


คุณหมอส้มและคุณหมอเกรซ

“ขอบคุณค่ะ”

ลองเข้ามาปรึกษากับคุณหมอส้ม คุณหมอเกรซ ได้ที่คลินิก หรือ ติดต่อ
Tel : 062-691-6919
Official Line : @mudanpavilion
FB : Mudan Pavilion Wellness Center – ปรับรูปหน้า Filler Botox