Dolly Eyesหรือบางคนชอบเรียกว่าถุงใต้ตาแบบเกาหลี กำลังเป็นเทรนด์ความงามที่ได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ เพราะช่วยให้ดวงตาดูสดใส หวานขึ้น และทำให้ใบหน้าดูเด็กลงอย่างเป็นธรรมชาติ หลายคนอาจยังไม่รู้ว่าการทำดอลลี่อายนั้นสามารถทำเองได้ในแบบชั่วคราวบางวิธีและพึ่งหมดในแบบถาวร ซึ่งแต่ละแบบก็มีข้อดีและความแตกต่างที่ควรรู้ไว้ก่อนตัดสินใจ บทความนี้จะพาไปรู้จักวิธีการทำดอลลี่อายทุกแบบ เหมาะสำหรับคนที่อยากได้ตาแบบเกาหลี โดยใช้เวลาอ่านไม่นานก็เข้าใจครบว่ามีทางเลือกไหนบ้าง
Table of Contents
- ดอลลี่อาย คือ
- การมีดอลลี่อาย ช่วยเรื่องอะไร
- 4 วิธีทำ ดอลลี่อาย แบบชั่วคราวและถาวร
- คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับดอลลี่อาย
ดอลลี่อาย คือ
คนส่วนใหญ่มักเข้าใจว่าดอลลี่อาย คือถุงใต้ตา แต่ความจริงดอลลี่อาย (Dolly Eyes) คือ ลักษณะของผิวหนังตรงบริเวณขอบตาล่าง ที่มีความยาวตั้งแต่หัวตาไปจนถึงหางตา โดยผิวหนังจะมีความโค้งนูนออกมา และจะมีความหนาที่สุดตรงบริเวณกลางตา ซึ่งดอลลี่อายจะเกิดจากกล้ามเนื้อที่มีชื่อว่า “Orbicularis Oculi” ที่เป็นกล้ามเนื้อตรงบริเวณรอบดวงตา ที่เกิดการยืดหยุ่น และเกิดการกระชับตัว ส่งผลให้ผิวหนังตรงบริเวณขอบตาล่างมีความนูนขึ้น และดอลลี่อายมักจะปรากฏให้เห็นชัดขึ้นเมื่อมีการยิ้ม หรือการหัวเราะ ส่วนถุงใต้ตาเป็นไขมันที่นูนออกมาจากเบ้าตา จะอยู่ต่ำลงมาจากแนวขนตาล่าง ซึ่งมีสาเหตุมาจากอายุที่เพิ่มมากขึ้น ทำให้ผิวหนัง และกล้ามเนื้อบริเวณรอบดวงตาเกิดการหย่อนคล้อย และไขมันในเบ้าตาเกิดการเคลื่อนตัวออกมา
การมีดอลลี่อาย ช่วยเรื่องอะไร
อย่างที่ทราบดอลลี่อายเป็นลักษณะของผิวหนังตรงบริเวณขอบตาล่างที่มีความนูนออกมา คล้ายกับตาของตุ๊กตา ซึ่งการมีดอลลี่อายจะช่วยเรื่องดังต่อไปนี้
- เสริมให้ใบหน้าดูเด็กลง และมีความน่ารักขึ้น โดยดอลลี่อายส่วนใหญ่จะพบในช่วงวัยเด็ก และช่วงวัยรุ่น แต่เมื่ออายุเพิ่มขึ้นจะค่อย ๆ เลือนหายไป การสร้างดอลลี่อายจะช่วยให้ใบหน้าโดยรวมดูสดใส และดูอ่อนกว่าวัย นอกจากนี้ยังช่วยให้ดวงตาดูมีเสน่ห์คล้ายกับตาของตุ๊กตา มีความหวาน และดูละมุนขึ้น
- ปรับให้ดวงตาดูกลมโต และดูมีมิติ ซึ่งการนูนขึ้นของดอลลี่อายจะช่วยเสริมให้ดวงตาดูโต และมีความกลมขึ้น รวมถึงทำให้บริเวณรอบดวงตาดูมีมิติ โดยเฉพาะเวลาที่ยิ้มจะช่วยเสริมเสน่ห์ให้กับรอยยิ้ม
- ปรับรูปหน้าให้มีความโดดเด่น ดอลลี่อายจะช่วยสร้างเอกลักษณ์ และความโดดเด่นให้กับรูปหน้า เพราะดวงตาเป็นองค์ประกอบสำคัญของใบหน้า ดังนั้นการสร้างเอกลักษณ์จะทำให้ใบหน้าดูน่าสนใจ และมีความแตกต่างจากบุคคลอื่น
- ลดปัญหาใต้ตา ความโค้งนูนของดอลลี่อายจะช่วยเติมเต็ม และช่วยปกปิดรอยร่องลึก รวมถึงความคล้ำบริเวณใต้ตา ทำให้ใต้ตาดูเต็มอิ่ม และมีความสดใสขึ้น นอกจากนี้ยังช่วยให้บริเวณใต้ตาดูเต่งตึง มีความฉ่ำวาว และใบหน้าดูไม่โทรม
- เสริมสร้างความมั่นใจ เมื่อคนเรามีดวงตาที่สวย อ่อนหวาน และมีความสดใส ส่งผลให้บุคลิกภาพโดยรวมดูเป็นมิตร และช่วยเพิ่มความมั่นใจให้กับบุคคลนั้น
- เสริมสร้างเสน่ห์ให้กับดวงตา ดอลลี่อายจะทำให้ดวงตามีความโดดเด่น และทำให้ดวงตาดูน่าดึงดูด และทำให้ดูมีชีวิตชีวาขึ้น
4 วิธีทำ ดอลลี่อาย แบบชั่วคราวและถาวร
1. ปากกาดอลลี่อาย
เป็นเครื่องสำอางที่ใช้เขียนใต้ตา เพื่อทำให้ตาดูอวบอิ่มอย่างเป็นธรรมชาติ ซึ่งส่วนใหญ่ปากกาดอลลี่อายจะมีสีอ่อน เช่นสีเบจ สีชมพูอ่อน และสีเนื้อ โดยรุ่นที่คนนิยมใช้ จะมี ETUDE HOUSE (รุ่น Tear Eye Liner หรือ Bling Bling Eye Stick), CLIO (รุ่น Twinkle Pop Pearlflex Glitter Eye Liner), CANMAKE (รุ่น Tear Drop Eyeliner) และแบรนด์ของคนไทยอย่างของคุณกระแต วิธีการนี้ทุกคนสามารถทำได้ด้วยตนเอง มีค่าใช้จ่ายน้อย ใช้อุปกรณ์ไม่เยอะ และสามารถลบออกได้ทันทีหากไม่พอใจ แต่ผลลัพธ์จะไม่คงทน และต้องทำใหม่ทุกครั้งที่ทำการแต่งหน้า
วิธีการใช้ อย่างแรกให้มองตรงไปข้ามหน้า ค่อย ๆ ยิ้มเบา ๆ เพื่อให้เห็นตำแหน่งของกล้ามเนื้อใต้ตาที่จะนูนขึ้น จากนั้นให้ใช้ปากกาวาดเส้นเงาตามแนวรอยพันใต้ตาที่เกิดขึ้นเมื่อยิ้ม และใช้แปลงที่มีหัวขนาดเล็ก หรือใช้นิ้วมือค่อยเกลี่ย ๆ เส้นที่วาดให้ดูฟุ้ง และกลืนเข้ากับผิว
2. ฉีดฟิลเลอร์ดอลลี่อาย
วิธีการนี้ทางแพทย์จะทำการฉีดสารเติมเต็ม อย่างกรดไฮยาลูรอนิค (Hyaluronic Acid : HA) เข้าสู่บริเวณใต้ตา โดยฟิลเลอร์จะช่วยในการแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับริ้วรอย รอยย่น ช่วยยกกระชับผิวหนัง และช่วยในเรื่องการปรับรูปหน้า ซึ่งรวมไปถึงการทำดอลลี่อายด้วย ซึ่งการทำดอลลี่อายด้วยการฉีดฟิลเลอร์ จะฉีดครั้งละแค่ 1-2 CC เข้าสู่บริเวณใต้ดวงตา หลังจากการฉีดผิวหนังบริเวณใต้ดวงตามีการนูนขึ้น จนมีลักษณะเหมือนดอลลี่อายตามธรรมชาติ
การฉีดฟิลเลอร์ดอลลี่อาย มีความปลอดภัยสูงหากทำโดยแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญ หลังจากการฉีดสามารถเห็นผลลัพธ์ได้ทันที ไม่ต้องเสียเวลาพักฟื้น และสามารถสลายได้เองตามธรรมชาติ รวมถึงหากไม่พอใจสามารถฉีดยาสลายฟิลเลอร์ได้ แต่วิธีการนี้จะให้ผลลัพธ์ที่ไม่ถาวร สามารถอยู่ได้ประมาณ 1 – 2 ปี และมีค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างสูง
3. ฉีดไขมันดอลลี่อาย
วิธีการนี้ทางแพทย์จะทำการดูดไขมันออกจากบริเวณที่มีไขมันส่วนเกิน อาทิเช่น บริเวณต้นขา หรือบริเวณหน้าท้อง หลังจากได้ไขมันมาแล้ว ก็จะนำไขมันที่ได้ไปปั่น และสกัด เพื่อแยกเอาแต่สเต็มเซลล์ แล้วนำไปผสมกับเนื้อเยื่อไขมัน หลังจากนั้นค่อยนำไปฉีดในบริเวณที่เกิดปัญหา ซึ่งการฉีดไขมันจะช่วยให้ผิวหนังมีความเต่งตึง และทำให้ผิวหนังดูอ่อนเยาว์ รวมไปถึงช่วยในการทำดอลลี่อาย
การฉีดไขมันดอลลี่อาย เป็นวิธีที่มีความปลอดภัย เนื่องจากสารที่ใช้ฉีดเป็นไขมันของเราเอง และยังเป็นการแก้ไขปัญหาโดยไม่ต้องทำการผ่าตัด ไม่เสียเวลาพักฟื้น และไม่เกิดแผลเป็น แต่การฉีดไขมันดอลลี่อายจะให้ผลลัพธ์ที่ไม่ถาวร และต้องมีการฉีดครั้งละมากกว่า 1 CC เพื่อทำการเผื่อไขมันส่วนที่สลายไปด้วย รวมถึงต้องมีการทำหลายครั้งเพื่อเป็นการรักษาผลลัพธ์
4. การผ่าตัดดอลลี่อาย
เป็นวิธีการทำดอลลี่อายด้วยการผ่าตัดโดยการใช้เนื้อเยื่อของตัวเอง หรือใช้เนื้อเยื่อเทียมที่มีการออกแบบมาเฉพาะ ซึ่งวิธีการผ่าตัดทางแพทย์จะทำการกรีดแผลขนาดประมาณ 2 – 4 มม. ตรงบริเวณใต้ตาตามแนวขอบขนตาล่าง จากนั้นจะนำเนื้อเยื่อที่เลือกใช้สอดเข้าไปเพื่อสร้างความนูน แล้วทำการเย็บปิดบาดแผล การผ่าตัดจะใช้เวลาประมาณ 45 -60 นาที
การผ่าตัดดอลลี่อาย จะให้ผลลัพธ์ที่ชัดเจน และดูเป็นธรรมชาติ นอกจากนี้ยังให้ผลลัพธ์ที่ถาวร แต่วิธีการนี้มีความเสี่ยงสูงจำเป็นต้องทำโดยแพทย์ที่มีความชำนาญเฉพาะด้านการผ่าตัดรอบดวงตา และต้องมีการพักฟื้นที่นานกว่าวิธีการอื่น
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับดอลลี่อาย
ดอลลี่อาย ยี่ห่อไหนดี ?
การมีดอลลี่อายจะทำให้ดวงตาดูกลมโต ใบหน้าดูเด็ก และดูหวานขึ้น ซึ่งดอลลี่อายสามารถทำได้ด้วยตนเอง โดยการใช้ปากกาดอลลี่อาย ที่เป็นเครื่องสำอางสำหรับการใช้เขียนใต้ตา เพื่อทำให้ตาดูอวบอิ่มขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ ส่วนใหญ่ปากกาจะมีสีอ่อน เช่นสีเบจ สีเนื้อ และสีชมพูอ่อน
ปากกาดอลลี่อายสามารถหาซื้อได้ตามร้านเครื่องสำอางชั้นนำ อย่าง Watsons, Boots, Eveandboy หรือ Beautrium ซึ่งรุ่นที่คนนิยมใช้ ได้แก่ ETUDE HOUSE (รุ่น Tear Eye Liner หรือ Bling Bling Eye Stick), CLIO (รุ่น Twinkle Pop Pearlflex Glitter Eye Liner), CANMAKE (รุ่น Tear Drop Eyeliner), Cezanne (รุ่น Eyelid & Tear Bag Liner)
หากฉีดแล้วไม่ชอบสามารถแก้ไขได้ไหม ?

การฉีดดอลลี่อายด้วยฟิลเลอร์ เป็นการฉีดสารเติมเต็มเข้าบริเวณใต้ตา ซึ่งหากไม่พอใจกับผลลัพธ์สามารถแก้ไขได้ โดยการฉีดยาสลายฟิลเลอร์ แล้วค่อยทำการฉีดใหม่อีกครั้ง หรือจะรอให้ฟิลเลอร์สลายเองตามธรรมชาติ ที่จะใช้เวลาประมาณ 6 – 12 เดือน แต่เราสามารถเร่งให้ฟิลเลอร์มีการสลายตัวเร็วขึ้น เช่นการทำกิจกรรมกลางแจ้ง การอบซาวน่า การกินหมูกระทะ การแช่น้ำร้อน เป็นต้น
ฉีดดอลลี่อาย อยู่ได้นานไหม หลังทำบวมกี่วัน ?
โดยปกติหลังจากการฉีดดอลลี่อาย จะเกิดอาการบวม รอยแดง หรือรอยช้ำตรงบริเวณที่ฉีด เป็นเวลา 2 -3 วัน และจะค่อย ๆ ยุบลงไปเอง แต่อาการบวมจะหายไปหมดภายใน 1 – 2 สัปดาห์ การฉีดดอลลี่อายส่วนใหญ่ผลลัพธ์จะอยู่ได้ประมาณ 6 เดือน – 1 ปี แต่การคงอยู่ของผลลัพธ์อาจมีการเปลี่ยนแปลงขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่นการดูแลตัวเองหลังการฉีด หรือสารที่ใช้ในการฉีด

ฉีดดอลลี่อาย อันตรายไหม ?
ฉีดดอลลี่อาย ต้องเลือกฉีดกับคลินิกที่ได้มาตรฐาน และต้องเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ (ตัวยา) ที่เป็นของแท้ รวมถึงเลือกฉีดกับแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านอย่างการฉีดดอลลี่อาย และมีความรู้ด้านกายวิภาคของใบหน้า จึงทำให้การฉีดดอลลี่อายไม่เป็นอันตราย แล้วส่วนใหญ่จะนิยมฉีดดอลลี่อายด้วยฟิลเลอร์ เพราะฟิลเลอร์มีความปลอดภัยสูง สามารถสลายได้เองตามธรรมชาติ และหากไม่พอใจกับผลลัพธ์สามารถฉีดสลายฟิลเลอร์ได้