ดอลลี่อาย VS ถุงใต้ตา ต่างกันตรงไหน? ดูยังไงคือดอลลี่อาย (Dolly eyes)

Post Views: 652

ดอลลี่อาย เป็นเทรนด์ความงามที่กำลังเป็นที่นิยม การมีดอลลี่อาย จะทำให้ใบหน้าดูเด็กลง น่ารัก ดวงตาหวานและมีเสน่ห์มากยิ่งขึ้น ทางมูตาน พาวิลเลี่ยน เวลเนส เซนเตอร์ (Mudan Pavilion Wellness Center) นอกจากจะแก้ไขทุกปัญหาเรื่องใต้ตา เช่น ใต้ตาคล้ำ ร่องใต้ตา รวมถึงปัญหาถุงใต้ตา ยังเพิ่มเสน่ห์ให้กับดวงตาของคนไข้ด้วยการฉีดฟิลเลอร์ดอลลี่อาย (Dolly eyes) อีกด้วยค่ะ

ดอลลี่อาย (Dolly eyes) VS ถุงใต้ตา

ดอลลี่อาย (Dolly eyes) ไม่ได้เหมาะสมเฉพาะวัยรุ่นเพียงอย่างเดียว แต่วัยไหนก็สามารถมีดอลลี่อาย( Dolly eyes )ได้ โดยคุณหมอส้มและ คุณหมอเกรซ จะปรับให้เข้ากับใบหน้าของคนไข้ทุกท่านและคำนึงถึงความเหมาะสมค่ะ

ดอลลี่อาย (Dolly eyes) คืออะไร?

ดอลลี่อาย (Dolly eyes) หรือที่บางคนเรียกว่า love band คือ เทรนด์ใต้ตา ที่มีลักษณะเนื้อบริเวณขอบตาล่างชิดขนตาหนาขึ้นมา ทำให้ใต้ตาดูน่ารักขึ้น เป็นที่นิยมในประเทศเกาหลี่ ญี่ปุ่น จะเห็นดอลลี่อาย (Dolly eyes) ได้ชัดเมื่อเวลายิ้มค่ะ

ดอลลี่อาย (Dolly eyes) จัดอยู่บริเวณขอบตาล่าง จะเป็นกล้ามเนื้อที่ทุกคนมีอยู่แล้วตามธรรมชาติ มากหรือน้อยแตกต่างกันไป แต่เมื่อเริ่มมีอายุ กล้ามเนื้อตรงนี้ก็จะบางลง หรืออาจมีถุงใต้ตาใหญ่ขึ้นมากลบจนทำให้ใบหน้าดูโทรม และยิ่งมีอายุมากขึ้น จึงมีเทคนิคทางการแพทย์ในการฉีดเสริมชั้นใต้ตา ที่เรียกกันว่า ฟิลเลอร์ดอลลี่อาย (Dolly eyes) ค่ะ

ถุงใต้ตา คืออะไร ?

ถุงใต้ตาคือภาวะบวมหรือหย่อนคล้อยบริเวณใต้ดวงตา เกิดจากการสะสมของของเหลวและไขมันใต้ผิวหนังบริเวณนั้น โดยทั่วไปแล้ว ถุงใต้ตาไม่ใช่ภาวะที่ร้ายแรง แต่สามารถทำให้ใบหน้าดูเหนื่อยล้าและทำให้ดูมีอายุมากขึ้นได้ ดวงตาจะดูมืดหรือมีเงาดำเข้มเกิดขึ้น

ถุงใต้ตาเกิดจากอะไร ?

ถุงใต้ตาเกิดจากการสะสมของของเหลวและไขมันใต้ผิวหนังบริเวณใต้ดวงตา สาเหตุที่พบบ่อย ได้แก่

  • อายุที่มากขึ้น: เมื่ออายุมากขึ้น ผิวหนังใต้ดวงตาจะบางลงและสูญเสียความยืดหยุ่น ซึ่งทำให้ไขมันและของเหลวสามารถไหลเวียนไปสะสมบริเวณนั้นได้ง่ายขึ้น
  • พันธุกรรม: บางคนมีแนวโน้มที่จะเกิดถุงใต้ตาได้มากกว่า เนื่องจากโครงสร้างจากพันธุกรรมที่ทำให้ใบหน้าและการกระจายไขมันใต้ผิวหนังแต่กต่างจากคนอื่นๆ
  • การนอนหลับไม่เพียงพอ: เมื่อเราไม่ได้นอนหลับให้เพียงพอ ของเหลวในร่างกายจะไหลเวียนไปสะสมบริเวณใต้ดวงตาได้มากขึ้น
  • การแพ้: การแพ้อาหารหรือสารก่อภูมิแพ้อื่นๆ สามารถทำให้เกิดการอักเสบและบวมบริเวณใบหน้า รวมถึงบริเวณใต้ดวงตาได้ด้วย
  • การสูบบุหรี่: การสูบบุหรี่สามารถทำลายคอลลาเจนและอีลาสตินในผิวหนัง ซึ่งทำให้ผิวหนังบางลงและเกิดถุงใต้ตาได้ง่ายขึ้น
  • การดื่มแอลกอฮอล์: การดื่มแอลกอฮอล์มากเกินไปอาจทำให้เกิดการคายน้ำและทำให้ผิวหนังใต้ดวงตาบวมได้

ความแตกต่าง ดอลลี่อาย (Dolly eyes) กับ ถุงใต้ตา?

ลักษณะดอลลี่อายถุงใต้ตา
ลักษณะนูนโค้งขึ้นมาบวมนูน ดำคล้ำ
การมองเห็นเวลายิ้มตลอดเวลส
ระยะเวลากล้ามเนื้อตาไขมันใต้ตา ผิวหนังหย่อนคล้อย
ผลลัพธ์ใบหน้าดูแบ๊ว น่ารัก เด็กลงใบหน้าดูโทรม มีอายุ เศร้า

บางคนสับสนระหว่างดอลลี่อาย (Dolly eyes) กับ ถุงใต้ตา อาจจะมีความคล้ายกันแต่จริง ๆ แล้วเป็นคนละส่วนกัน จะเห็นว่าดอลลี่อาย จะเป็นมัดกล้ามเนื้อ เส้นเล็ก ๆ ที่อยู่บริเวณขอบตาล่าง ซึ่งทุกคนมีอยู่แล้ว จะมากหรือน้อย ขึ้นอยู่แต่ละคน มีลักษณะนูนขึ้นมา ผิวใต้ตายังมีความตึงกระชับอยู่ จะสังเกตได้ชัดขึ้นเวลายิ้มหรือหัวเราะ การมีดอลลี่อายจะทำให้ใบหน้าดูเด็กลง ซึ่งแตกต่างจากถุงใต้ตาที่มีกระเปาะไขมันสะสมอยู่ที่ใต้ตาล่าง ลักษณะบวมใหญ่ และหย่อนคล้อย เห็นร่องน้ำตาชัดเจน จนทำให้หน้าดูโทรมดูมีอายุค่ะ

ความแตกของ ฉีดฟิลเลอร์ดอลลี่อาย กับ ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา?

สำหรับการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตากับการฉีดฟิลเลอร์ดอลลี่อาย หลาย ๆ คน ก็อาจจะยังสับสน หรือสงสัยว่าต่างกันไหม ? ซึ่งจริง ๆ แล้วแตกต่างกัน เพราะการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาจะเป็นการฉีดฟิลเลอร์เข้าไปใต้ผิวบริเวณใต้ตาที่มีปัญหา เช่น ขอบตาหมองคล้ำ ริ้วรอยใต้ตา ร่องใต้ตา เบ้าตาลึก ถุงใต้ตา ทำให้ใบหบ้าดูโทรม อ่อนล้า

ดอลลี่อาย (Dolly eyes) เหมาะกับใคร ?

  1. สำหรับสาวที่ต้องการ เพิ่มเสน่ห์ให้ดวงตา กลมโต ดูแบ๋ว น่ารัก
  2. ผู้ที่ต้องการเทรนสาวหมวย ตาเล็ก ที่อยากมีดวงตาดูกลมโตขึ้น โดยไม่ต้องผ่าตัด
  3. ต้องการให้ใบหน้าดูเด็กลงอย่างเป็นธรรมชาติ อ่อนเยาว์สดใส นอกจากจะแก้ไขทุกปัญหาเรื่องใต้ตา เช่น ใต้ตาคล้ำ ร่องใต้ตา รวมถึงปัญหาถุงใต้ตา ยังเพิ่มเสน่ห์ให้กับดวงตาของคนไข้ด้วยการฉีดฟิลเลอร์ดอลลี่อาย( Dolly eyes )อีกด้วยค่ะ

ข้อควรระวังในการฉีดดอลลี่อาย ?

เนื่องจากบริเวณใต้ตาเป็นจุดที่มีเส้นเลือดมาเลี้ยงเยอะ และการฉีดฟิลเลอร์ชิดขอบตาล่าง ก็ต้องใช้เทคนิคและประสบการณ์ของแพทย์ ต้องพิถีพิถีน เพื่อลดโอกาสในการบวมช้ำ หรือข้อผิดพลาดต่างๆ โดยมีข้อควรระวัง ดังนี้

  1. ผิวใต้ตาบางมาก หลังฉีดดอลลี่อาย (Dolly eyes) อาจทำให้เกิดรอยแดงหรือรอยช้ำได้ ปกติจะค่อยๆ ดีขึ้นใน 2-3 วัน และยุบบวมใน 7-14 วัน
  2. ฟิลเลอร์ดอลลี่อาย (Dolly eyes) จะต้องวางฟิลเลอร์ในขนาดที่เหมาะสม รวมถึงเลือกผลิตภัณฑ์ฟิลเลอร์ให้เข้ากับผิวคนไข้ หากฉีดฟิลเลอร์ดอลลี่อาย (Dolly eyes ) มากขึ้นไป จะทำให้ใต้ตาดูเต่ง และตุ่ยขึ้นมา มองแล้วไม่สวยงาม แพทย์ต้องประเมินปริมาณของฟิลเลอร์ให้พอดีและเลือกผลิตภัณฑ์ฟิลเลอร์ให้เหมาะสมค่ะ
  3. ในการเติมฟิลเลอร์ดอลลี่อาย (Dolly eyes) ทั้งสองข้างควรประเมินปริมาณฟิลเลอร์ที่จะใช้ให้เหมาะสมในแต่ละเคส หากฉีดไม่พอดีกันอาจทำให้ดวงตาดูไม่เท่ากันได้ค่ะ

สรุปจุดสังเกตุ ดอลลี่อาย กับ ถุงใต้ตา

ถ้าเป็น ดอลลี่อาย (Dolly eyes) เวลาหน้านิ่งหรือไม่แสดงสีหน้า มัดเนื้อจะยุบลงไปหรือมองเห็นไม่ค่อยชัดเจน แต่พอยิ้มหรือหัวเราะ มัดเนื้อใต้ตาจะนูน จะเห็นชัดเจนขึ้นทันที โดยลักษณะจะเป็นก้อนเนื้อที่ดูตึงกระชับและดูติดขอบตาล่างมาก

แต่ถ้าเป็น ถุงใต้ตา ไม่ว่าจะยิ้มหรือไม่ยิ้ม ถุงที่ป้องออกมาจะเห็นชัดเจนอยู่ตลอดเวลา และมีลักษณะความนูนที่หย่อนคล้อย อยู่บริเวณใต้ตา และบางเคสอาจมีร่องน้ำตา (ร่องลึก) อยู่ด้านล่างถุงนูนนั้น ๆ ด้วย ทำให้ดูเป็นถุงที่ใหญ่และไม่สดใส

รีวิวฉีดฟิลเลอร์ฉีดดอลลี่อาย (Dolly eyes)