ฟิลเลอร์ Juvederm กับ Restylane แตกต่างกันยังไง ? ฉีดอันไหนดีกว่ากัน ?

ฟิลเลอร์ เป็นสารเติมเต็มประเภทหนึ่ง ที่คอยช่วยแก้ไขปัญหาในเรื่องของความหย่อนคล้อยบนใบหน้า และช่วยในการปรับรูปหน้าให้เกิดความสมดุล ซึ่งฟิลเลอร์ในปัจจุบันมีหลายยี่ห้อ ทำให้ผู้ที่จะทำการฉีดฟิลเลอร์เกิดความสับสน ไม่รู้จะเลือกใช้ยี่ห้ออะไร ดังนั้นบทความนี้ จะพาไปรู้จักกับ 2 ฟิลเลอร์ชื่อดัง อย่าง Juvederm และ Restylane ว่ามีที่มาจากไหน? มีความแตกต่างกันอย่างไร ? และฉีดอันไหนดี? เพื่อเป็นแนวทางให้กับผู้ที่จะทำการฉีดฟิลเลอร์โดยเฉพาะ

ฟิลเลอร์ Juvederm คือ ?

ฟิลเลอร์ Juvederm เป็นฟิลเลอร์ที่ผลิตโดยบริษัท Allergan จากประเทศสหรัฐอเมริกา โดยมีบริษัท Allergan Thailand (DSKH) เป็นผู้นำเข้า ซึ่งฟิลเลอร์ Juvederm ได้รับการรับรองความปลอดภัย และผ่านมาตรฐานจากสํานักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ด้วยเทคโนโลยีเฉพาะของ Allergan ทำให้ฟิลเลอร์แต่ละตัวมีคุณสมบัติที่มีความแตกต่าง และมีความหลากหลาย เหมาะสำหรับทุกสภาพของผิวหนัง และทุกปัญหา โดยฟิลเลอร์ Juvederm ที่มีถึง 6 รุ่น อ่านต่อได้ที่ ฟิลเลอร์ Juvederm

ฟิลเลอร์ Restylane คือ ?

ฟิลเลอร์ Restylane เป็นหนึ่งแบรนด์ฟิลเลอร์แท้ที่ได้รับความนิยมอย่างมากในประเทศไทย โดย Restylane ผลิต และนำเข้ามาจากประเทศสวีเดน ซึ่งได้รับการรับรองมาตรฐานจากสํานักงานคณะกรรมการอาหารและยา  (อย.) ประเทศไทย Restylane เป็นแบรนด์ฟิลเลอร์ที่อยู่ภายใต้บริษัท Galderma บริษัทผลิตยา และผลิตภัณฑ์เพื่อผิวหนังชื่อดังที่ถูกยอมรับทั่วโลก โดย Restylane มีทั้งหมด 7 รุ่น อ่านต่อได้ที่ ฟิลเลอร์ Restylane

ฟิลเลอร์ Juvederm และ Restylane แตกต่างกันอย่างไร ?

ฟิลเลอร์ Juvederm เป็นฟิลเลอร์ที่ผลิตโดยบริษัท Allergan ซึ่งเป็นบริษัทสัญชาติอเมริกัน มีกระบวนการการผลิตด้วยเทคโนโลยี 2 อย่าง คือ เทคโนโลยี Hylacross และ เทคโนโลยี VYCROSS ส่งผลให้ Juvederm มีเนื้อที่ละเอียดอ่อน ไม่เป็นก้อนแข็ง ไม่เป็นคลื่น และทำให้มีความยืดหยุ่นสูง ยังรวมไปถึงหลังฉีดดูเป็นธรรมชาติ โดย ฟิลเลอร์ Juvederm สามารถฉีดได้หลายจุด อาทิเช่น ร่องใต้ตา ปาก หรือคาง เป็นต้น  Juvederm มีอายุอยู่ได้ถึง 1-2 ปี  และสามารถย่อยสลายได้เอง

ฟิลเลอร์ Restylane เป็นฟิลเลอร์ที่ผลิตโดยบริษัท Galderma ซึ่งเป็นบริษัทสัญชาติสวีเดน มีกระบวนการการผลิตด้วยเทคโนโลยี 2 อย่าง คือ NASHA Technology และ OBT Technology ส่งผลให้ Restylane มีเนื้อฟิลเลอร์ที่มีความเนียน ดูเป็นธรรมชาติ ไม่เป็นก้อนแข็ง รวมไปถึงยังมีความยืดหยุ่นสูงอีกด้วย โดยฟิลเลอร์ Restylane สามารถฉีดได้หลายจุด อาทิเช่น ใต้ตา จมูก และแก้ม เป็นต้น Restylane มีอายุอยู่ได้ถึง 1 ปี และสามารถย่อยสลายได้เอง

ฟิลเลอร์ Juvederm และ Restylane ทำงานอย่างไร ?

ฟิลเลอร์ Juvederm และ Restylane เป็นสารเติมเต็มประเภทไฮยาลูรอนิค แอซิด (Hyaluronic Acid) หรือ HA ซึ่งจะมีลักษณะเป็นเจลใส ซึ่งจะทำหน้าที่คอยดูดซับน้ำได้มากถึง 1 พันเท่า และช่วยเติมเต็มร่องลึก หรือริ้วรอย ยังรวมไปถึงช่วยทดแทนคอลลาเจน และไฮยาลูรอน เมื่อมีอายุที่เพิ่มขึ้น เมื่อทำการฉีดฟิลเลอร์ยี่ห้อ Juvederm หรือ Restylane เข้าไปในชั้นใต้ผิวหนัง ก็จะช่วยให้ผิวหนังมีความเรียบเนียน และทำให้ผิวหนังดูอ่อนเยาว์ขึ้น

ฟิลเลอร์ Juvederm และ Restylane เหมาะกับใคร ?

ฟิลเลอร์ Juvederm และ ฟิลเลอร์ Restylane เหมาะกับบุคคลที่ปัญหา และต้องแก้ไข ดังนี้

  • ผู้ที่มีปัญหาเรื่องริ้วรอย ร่องลึกบริเวณส่วนต่าง ๆ อาทิเช่น ร่องลึกบริเวณมุมปาก ร่องน้ำหมาก หน้าผาก และบริเวณรอบดวงตา เป็นต้น
  • ผู้ที่มีปัญหาเรื่องถุงใต้ดวงตา กระดูกเบ้าตายุบตัว และใต้ตาคล้ำ
  • ผู้ที่ต้องการปรับรูปหน้า อาทิเช่น ปาก จมูก คาง และหน้าผาก เป็นต้น
  • ผู้ที่ต้องการดูแลผิวพรรณให้คงความอ่อนเยาว์ และดูสุขภาพผิวดี
  • ผู้ที่ต้องการแก้ไขจุดบกพร่องบนใบหน้าให้ดูสมส่วน และดูเป็นธรรมชาติ
  • ผู้ที่ต้องการแก้ไขปัญหาเรื่องรูขุมขน และหลุมสิวบนบริเวณใบหน้า รวมถึงเหงื่อออกบริเวณรักแร้เยอะ

ข้อดี-ข้อเสีย ฟิลเลอร์ Juvederm

ข้อดี

  • Juvederm มีความปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ ผ่านการรับรองความปลอดภัยจาก US FDA และผ่านมาตรฐานของ สํานักงานคณะกรรมการอาหารและยา  (อย.)
  • Juvederm มีกระบวนการการผลิตจาก 2 เทคโนโลยี คือ Hylacross และ VYCROSS ทำให้เนื้อฟิลเลอร์มีความละเอียดอ่อน และไม่แข็งเป็นก้อน
  • Juvederm มีความคงตัว ไม่ไหล ทำให้หลังฉีดดูเป็นธรรมชาติ
  • Juvederm มีความยืดหยุ่นสูง และทนต่อการขยับใบหน้าได้ดีเยี่ยม
  • Juvederm หลังฉีดไม่ต้องเสียเวลาพักฟื้น และไม่ต้องผ่าตัด 
  • Juvederm มีอายุอยู่ได้นานถึง 12 เดือน ขึ้นอยู่กับการดูแล โดยสามารถอ่าน ข้อห้าม ก่อน-หลังฉีดฟิลเลอร์ ได้ที่นี่
  • Juvederm สามารถย่อยสลายได้

ข้อเสีย

  • อาจเกิดผลข้างเคียง เช่น รอยแดง บวม และช้ำ
  • อาจแพงกว่าฟิลเลอร์ยี่ห้ออื่น
  • อาจต้องฉีดซ้ำทุกๆ 12 เดือน

ข้อดี-ข้อเสีย ฟิลเลอร์ Restylane

ข้อดี

  • Restylane มีความปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ ผ่านการรับรองมาตรฐานจากสํานักงานคณะกรรมการอาหารและยา  (อย.)
  • Restylane  มีกระบวนการการผลิตจาก 2 เทคโนโลยี คือ NASHA Technology และ OBT Technology ทำให้ฟิลเลอร์ที่มีความเนียน ดูเป็นธรรมชาติหลังการฉีด และไม่เป็นก้อนแข็ง
  • Restylane หลังฉีดไม่ต้องเสียเวลาพักฟื้น และไม่ต้องผ่าตัด 
  • Restylane มีความยืดหยุ่นสูง 
  • Restylane มีอายุอยู่ได้นานถึง 12 เดือน
  • Restylane สามารถย่อยสลายได้

ข้อเสีย

  • อาจเกิดผลข้างเคียง เช่น รอยแดง บวม และช้ำ
  • อาจแพงกว่าฟิลเลอร์ยี่ห้ออื่น
  • อาจต้องฉีดซ้ำทุกๆ 12 เดือน

ฟิลเลอร์ Juvederm และ Restylane ฉีดอันไหนดีกว่ากัน ?

ฟิลเลอร์  Juvederm และ Restylane เป็นฟิลเลอร์ที่มีความปลอดภัย และมีมาตรฐาน เนื่องจากฟิลเลอร์ทั้งคู่ ได้รับการรับรองมาตรฐาน และได้นำเข้าอย่างถูกต้อง จากสํานักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) นอกจากนี้ด้วยกระบวนการผลิตของทั้งคู่ ทำให้เนื้อฟิลเลอร์ มีความละเอียด ไม่เเข็งเป็นก้อน ดูเป็นธรรมชาติ และมีความยืดหยุ่นสูง โดยฟิลเลอร์ทั้งคู่มีอายุอยู่ได้นาน แต่สุดท้ายนี้ก่อนจะเลือกฉีดยี่ห้อ Juvederm หรือ Restylane ควรเข้าปรึกษาแพทย์ก่อนทุกครั้ง คุณหมอตอบเองทุกเคส เพื่อจะเป็นการประเมินการเลือกใช้ฟิลเลอร์ที่เหมาะสม และตรงกับปัญหาที่ต้องการแก้ไข ซึ่งทางหมอส้ม หมอเกรซ และทีมแพทย์ Mudan Pavilion ยินดีให้คำปรึกษาฟรี โดยไม่มีค่าใช้จ่าย Inbox Facebook หรือ Add Line นี้ได้เลย