โปรแกรมมาเด้
ฟื้นฟูเซลล์ผิวและชะลอการเสื่อมของคอลลาเจนในผิวด้วย Made
มาเด้คอลลาเจน ( Guna Collagen )

.
มาเด้ คอลลาเจนคืออะไร ?
มาเด้ คือ ชื่อยี่ห้อยาฉีดของประเทศอิตาลี มีส่วนผสมของอาหารผิวที่สำคัญอย่างวิตามินรวมที่ช่วยฟื้นฟูเซลล์ผิวและชะลอการเสื่อมของคอลลาเจนในผิว รวมไปถึงมีแร่ธาตุต่าง ๆ ที่มีความสำคัญต่อการบำรุงผิวหน้า จุดเด่นของมาเด้คอลลาเจน คือช่วยขับสารพิษที่ตกค้าง ลดผิวอักเสบ ผดผื่น สิว และช่วยทำให้หน้าขาวใสขึ้น
การฉีดวิตามินผิวใสที่ได้รับความนิยมมากในปัจจุบัน ตัวยาจะประกอบไปด้วยสารสกัดจากธรรมชาติ ปลอดภัยต่อร่างกาย มีคุณสมบัติเด่น คือช่วยบำรุงหน้าขาวใส ฟื้นฟูและปรับสภาพผิวให้ดูกระจ่างใสอย่างสม่ำเสมอ อีกทั้งยังช่วยขับสารพิษที่ตกค้างอยู่ในผิว ลดสิว ผดผื่น ผิวอักเสบ บำรุงผิวหน้าให้แข็งแรงขึ้น
มาเด้ คอลลาเจน มีส่วนประกอบอะไรบ้าง ?
มาเด้ คอลลาเจน เมโสหน้าใส (MADE Collagen) ประกอบ ไปด้วยตัวยา 2 ส่วน นั่นคือ “มาเด้” และ “คอลลาเจน” ซึ่งทั้ง 2 ชนิดนี้อยู่ในกลุ่ม “โฮมีโอพาธีย์” (Homeopathy) หรือ Physiologic Regulating Medicine ซึ่งถือเป็นแพทย์ทางเลือกที่ใช้กันอย่างแพร่หลายและนิยมมากในยุโรป โดยเน้นที่ความสมดุลของการทำงานตั้งแต่ระดับเซลล์และการทำงานประสานกัน ระหว่างระบบต่างๆ
ส่วนประกอบของมาเด้ (MADE) นั้นประกอบด้วยสารสกัดจากธรรมชาติหลากหลายชนิด ไม่ว่าจะเป็น วิตามิน เกลือแร่ สารต้านอนุมูลอิสระ และเอนไซม์ (Enzymes) ซึ่งทำหน้าที่เสริมการทำงานของกันและกัน กลไกการทำงาน เริ่มจากกระบวนการล้างสารพิษ (Detox) ตกค้างซึ่งขัดขวางการทำงานของเซลล์ ทำให้ระบบไหลเวียนดีขึ้น จากนั้นจะกระตุ้นกระบวนการสร้างพลังงานของเซลล์ เพื่อให้เซลล์มีความสามารถในการทำงานที่มีประสิทธิภาพ แล้วต่อด้วยการกระตุ้นกระบวนการสร้างคอลลาเจนและสาร Glycosaminoglycan หรือสารโครงสร้างที่ใช้อุ้มน้ำไว้ในผิว ชนิดที่เรารู้จักกันดีคือ Hyaluronic Acid กระตุ้นให้มีเลือดมาหล่อเลี้ยงผิวมากขึ้น รวมทั้งลดการทำลายความยืดหยุ่นของผิว โดยการยับยั้ง Enzyme Hyaluronidase และการต่อต้านสารอนุมูลอิสระ ซึ่งจะช่วยให้เราสามารถชะลอการเกิดริ้วรอยแห่งวัยได้และผิวแข็งแรงขึ้น
คอลลาเจน (Collagen) ที่นำมาใช้ควบคู่กับมาเด้แตกต่างจากคอลลาเจนอื่นๆ คือคอลลาเจนทั่วๆ ไปนั้นใช้สารสกัดคอลลาเจนเพื่อเติมเข้าไปในผิว แต่คอลลาเจนที่นำมาใช้คู่กับมาเด้นั้น จะเป็นชนิดที่เรียกกว่า Homeopathic Collagen ซึ่งนอกจากจะเป็นคอลลาเจนในตัวเองแล้ว ยังสามารถกระตุ้นให้เกิดการสร้างคอลลาเจนใหม่ขึ้นภายในผิวเราอีกด้วย
ฉีดมาเด้คอลลาเจน ช่วยอะไรบ้าง ?
การฉีดมาเด้ คอลลาเจน หลักๆ คือเพื่อฟื้นบำรุงผิว ให้ผิวสุขภาพดีขึ้น หมอได้รวมข้อดีของมาเด้ไว้ดังนี้
- ช่วยขับสารพิษออกจากผิว
- ช่วยการไหลเวียนเลือด
- ให้ผิวได้รับสารอาหารที่มากับเลือดและมีกำลังในการฟื้นฟูตัวเองได้
- ให้สารอาหารที่พอเหมาะกับเซลล์ร่างกาย
- ปรับสมดุลให้ผิวมีภูมิคุ้มกันที่ดี แข็งแรง
- ช่วยให้ผิวจะกระจ่างใส
- ช่วยให้รูขุมขนกระชับ ผิวหน้าจะเนียนนุ่มอ่อนเยาว์ไม่แห้งกร้าน
- ระบบไหลเวียนของน้ำเหลืองบริเวณผิวหน้าดีขึ้น
- ผิวพรรณเปล่งปลั่ง ดูสุขภาพดี
ทคนิกการฉีด 16 จุดทั่วใบหน้า ?
เทคนิคการฉีดมาเด้ 16 จุด เป็นเทคนิคที่ฉีดตัวยามาเด้ คอลลาเจน เข้าไปตามจุดฝังเข็ม 16 จุดทั่วใบหน้า ช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของต่อมน้ำเหลืองใต้ผิวหนัง ซึ่งให้ผลชัดเจนกว่าการใช้คอลลาเจนแบบทาและแบบรับประทานมาก
การฉีดมาเด้ 16 จุดบนใบหน้า จะช่วยทำให้ผลการรักษาดียิ่งขึ้น กระตุ้นการทำงานของระบบต่าง ๆ ภายในร่างกายที่มีผลต่อสุขภาพผิวหน้า ดีกว่าการฉีดสมัยก่อนที่ใช้การสะกิดทั่วใบหน้า ทำให้เป็นแผลน้อยกว่า เจ็บน้อยกว่า ตัวยาออกฤทธิ์ได้ดีและยาวนานกว่าค่ะ
ฉีดมาเด้กี่วันเห็นผล ?
หลังฉีดมาเด้คอลลาเจน จะเริ่มเห็นผลว่าผิวหน้าสุขภาพดีขึ้นในวันที่ 3 ค่ะ สำหรับคนที่มีปัญหาผิวทั่วไป ไม่ได้หนักมาก ก็จะรู้สึกได้ถึงความแตกต่างตั้งแต่การฉีดครั้งที่ 1 หรือ 2 ค่ะ ส่วนในคนที่มีปัญหาผิวมากๆ ก็อาจจะใช้ระยะเวลา 4-5 สัปดาห์ ก็จะเห็นผลการเปลี่ยนแปลงชัดเจนขึ้นค่ะ
ฉีดมาเด้คอลลาเจน กี่ครั้งเห็นผล ?
จริง ๆ แล้วสามารถเห็นผลได้ตั้งแต่ครั้งแรกค่ะ คนไข้จะรู้สึกผิวนุ่มลื่นขึ้น แต่หากต้องการให้เห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนดียิ่งขึ้น ควรฉีดอย่างต่อเนื่อง 1 ครั้ง1 ต่อสัปดาห์ โดยฉีดติดต่อกันฉีด 5 ครั้ง ขึ้นไปค่ะ
มาเด้ คอลลาเจน อยู่ได้นานแค่ไหน ?
หลังฉีดมาเด้ คอลลาเจน หมอแนะนำให้กลับมาฉีดอาทิตย์ละครั้งใน 1 เดือนแรก ผลลัพธ์จะอยู่ได้นาน 1-2 เดือน และหลังจากนั้นฉีดทุกๆ 2 อาทิตย์ เพื่อคงสภาพ ถ้าหากคนไข้อยากรักษาสภาพผิวไปเรื่อยๆ ก็สามารถฉีดซ้ำได้ค่ะ
การดูแลตนเองหลังฉีดมาเด้คอลลาเจน ?
หลังฉีดมาเด้คอลลาเจน คนไข้สามารถกลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติค่ะ ในกรณีผิวบอบบาง อาจจะพบรอยแดงหรือตุ่มบริเวณรอยเข็ม แต่จะหายไปเองใน 3-4 ชั่วโมง แนะนำไม่ควรเช็ดถูหรือเกาบริเวณที่ฉีดค่ะ และล้างหน้าด้วยน้ำเปล่าในวันแรก หลังจากนั้นสามารถล้างหรือแต่งหน้าได้ตามปกติ
การฉีดเมเด้คอลลาเจนช่วยให้ผิวสุขภาพดี ได้อย่างรวดเร็วก็จริง แต่คนไข้ก็ต้องดูแลตัวเองร่วมด้วย โดยหลีกเลี่ยงพฤติกรรมที่ทำร้ายผิว เช่น การขัดถูผิวหน้าแรง ๆ การแกะสิว บีบสิว ขัดผิว รบกวนผิวอยู่บ่อยๆ ตากแดดโดยไม่ทาครีมกันแดด หรือพักผ่อนไม่เพียงพอ ทำให้ผิวกลับมาเสื่อมโทรมเร็ว
เพื่อคงผลลัพธ์ผิวสุขภาพดีไปนาน ๆ แนะนำ เลี่ยงแสงแดด ดื่มน้ำสะอาดมากๆ ออกกำลังกาย พักผ่อนให้เพียงพอค่ะ
มาเด้ฟิลอก้า ( Filorga’s NCTF 135 HA )

.
มาเด้ Filorga’s NCTF 135 HA คืออะไร ?
Filorga’s NCTF 135 HA มีกรดไฮยาลูรอนิคเป็นส่วนผสมหลัก
กรดไฮยาลูรอนิค เป็นส่วนประกอบที่สำคัญของผิวหนังมีหน้าที่ในการช่วยซ่อมแซมผิวที่ถูกทำร้าย ซึ่งตัวการสำคัญที่ทำให้ ปริมาณกรดไฮยาลูรอนิคที่ร่างกายสามารถผลิตเองได้ตามธรรมชาติลดลง ได้แก่ แสงแดด และอายุที่เพิ่มขึ้น ก่อให้เกิดริ้วรอย รอยเหี่ยวย่นบนใบหน้า นอกจากนี้ การวิจัยทางวิทยาศาสตร์พบว่า กรดไฮยาลูรอนิคซึ่งเป็นส่วนผสมหลักของฟิลเลอร์ Filorga’s NCTF 135 HA นี้ยังเป็นสารที่จำเป็นต่อกระบวนการสร้างคอลลาเจนในร่างกายอีกด้วย
ในวงการแพทย์ระบุว่า กรดไฮยาลูรอนิคถูกนำมาใช้ช่วยในเรื่องของการซ่อมแซมเนื้อเยื่อต่างๆ รวมทั้งใช้สำหรับชะลอการเกิดริ้วรอยแห่งวัย สำหรับกรดไฮยาลูรอนิคในผลิตภัณฑ์ Filorga’s NCTF 135 HA เป็นกรดไฮยาลูรอนิคแท้ 100 % ที่ได้จากกระบวนการหมักจุลินทรีย์ (bio fermentation) ที่ไม่ได้มีแหล่งที่มาจากสัตว์ เพื่อให้กรดไฮยาลูรอนิคสามารถเข้ากันได้ดีกับผิวหนังมากที่สุด
มาเด้ Filorga’s NCTF 135 HA มีส่วนประกอบอะไรบ้าง ?
สำหรับกรดไฮยาลูรอนิคในผลิตภัณฑ์ Filorga’s NCTF 135 HA เป็นกรดไฮยาลูรอนิคแท้ 100 % ที่ได้จากกระบวนการหมักจุลินทรีย์ (bio fermentation) ที่ไม่ได้มีแหล่งที่มาจากสัตว์ เพื่อให้กรดไฮยาลูรอนิคสามารถเข้ากันได้ดีกับผิวหนังมากที่สุด
Filorga เป็นตัวยาที่ผลิตขึ้นจากประเทศฝรั่งเศส โดยมีทั้งหมดถึง 53 ชนิด คือ กรดไฮยาลูโรนิค เติมความชุ่มชื้นให้ผิว กรดอะมิโนรวม 23 ชนิด ช่วยสร้างคอลลาเจนและอีลาสติน แร่ธาตุ 6 ชนิด ช่วยบำรุงผิวที่ขาดน้ำ วิตามิน 12 ชนิด ช่วยกระตุ้นการสร้างเซลล์ผิวหนัง โคเอนไซม์ 6 ชนิด ช่วยลดเลือนริ้วรอย กรดนิวคลีอิก 5 ชนิด ช่วยให้ผิวสว่างกระจ่างใสดูมีชีวิตชีวา สารแอนตี้ออกซิแดนท์ 1 ชนิด ช่วยฟื้นฟูสภาพผิว
ฉีดมาเด้ Filorga’s NCTF 135 HA ช่วยอะไรบ้าง ?
คือการทำเมโสเทอราปี (Mesotherapy) หรือที่เรียกกันว่า เมโสหน้าใส ผสมกับการทำ FILLER คือจะเป็นการฉีดตัวยาเข้าไปผิวหนังชั้นใน เหมาะกับผู้ที่ต้องการซ่อมแซมและฟื้นฟูสภาพผิวอย่างเข้มข้น ซึ่งมีคุณสมบัติช่วยกักเก็บความชุ่มชื้นของผิว เพื่อให้ผิวที่คล้ำ ขาดน้ำ หรือมีจุดด่างดำ ฝ้า รอยคล้ำรอบดวงตา กลับมาเปล่งปลั่ง อิ่มฟู เรียบเนียน และกระชับขึ้น นอกจากนี้การฉีดฟิลอก้ายังช่วยปกป้องเซลล์ผิวจากอนุมูลอิสระ ลดเลือนริ้วรอย และช่วยสร้างคอลลาเจนให้กับผิวด้วย ผิวจึงแลดูกระชับขึ้น เรียบเนียนขึ้นดุจดั่งวัยสาว
Filorga เป็นตัวยาที่ผลิตขึ้นจากประเทศฝรั่งเศส โดยมีทั้งหมดถึง 53 ชนิด คือ กรดไฮยาลูโรนิค เติมความชุ่มชื้นให้ผิว กรดอะมิโนรวม 23 ชนิด ช่วยสร้างคอลลาเจนและอีลาสติน แร่ธาตุ 6 ชนิด ช่วยบำรุงผิวที่ขาดน้ำ วิตามิน 12 ชนิด ช่วยกระตุ้นการสร้างเซลล์ผิวหนัง โคเอนไซม์ 6 ชนิด ช่วยลดเลือนริ้วรอย กรดนิวคลีอิก 5 ชนิด ช่วยให้ผิวสว่างกระจ่างใสดูมีชีวิตชีวา สารแอนตี้ออกซิแดนท์ 1 ชนิด ช่วยฟื้นฟูสภาพผิว
เทคนิกการฉีด 16 จุดทั่วใบหน้า ?
เทคนิคการฉีดมาเด้ 16 จุด เป็นเทคนิคที่ฉีดตัวยามาเด้ เข้าไปตามจุดฝังเข็ม 16 จุดทั่วใบหน้า ช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของต่อมน้ำเหลืองใต้ผิวหนัง
การฉีดมาเด้ 16 จุดบนใบหน้า จะช่วยทำให้ผลการรักษาดียิ่งขึ้น กระตุ้นการทำงานของระบบต่าง ๆ ภายในร่างกายที่มีผลต่อสุขภาพผิวหน้า ดีกว่าการฉีดสมัยก่อนที่ใช้การสะกิดทั่วใบหน้า ทำให้เป็นแผลน้อยกว่า เจ็บน้อยกว่า ตัวยาออกฤทธิ์ได้ดีและยาวนานกว่าค่ะ
ฉีดมาเด้ Filorga’s NCTF 135 HA กี่วันเห็นผล ?
หลังฉีดมาเด้ จะเริ่มเห็นผลว่าผิวหน้าสุขภาพดีขึ้นในวันที่ 3 ค่ะ สำหรับคนที่มีปัญหาผิวทั่วไป ไม่ได้หนักมาก ก็จะรู้สึกได้ถึงความแตกต่างตั้งแต่การฉีดครั้งที่ 1 หรือ 2 ค่ะ ส่วนในคนที่มีปัญหาผิวมากๆ ก็อาจจะใช้ระยะเวลา 4-5 สัปดาห์ ก็จะเห็นผลการเปลี่ยนแปลงชัดเจนขึ้นค่ะ
ฉีดมาเด้ Filorga’s NCTF 135 HA กี่ครั้งเห็นผล ?
จริง ๆ แล้วสามารถเห็นผลได้ตั้งแต่ครั้งแรกค่ะ คนไข้จะรู้สึกผิวนุ่มลื่นขึ้น ชุ่มชื้น เปล่งปลั่ง อิ่มฟู เรียบเนียน และกระชับขึ้น แต่หากต้องการให้เห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนดียิ่งขึ้น ควรฉีดอย่างต่อเนื่อง 1 ครั้ง1 ต่อสัปดาห์ โดยฉีดติดต่อกันฉีด 5 ครั้ง ขึ้นไปค่ะ
มาเด้ Filorga’s NCTF 135 HA อยู่ได้นานแค่ไหน ?
หลังฉีดมาเด้ หมอแนะนำให้กลับมาฉีดอาทิตย์ละครั้งใน 1 เดือนแรก ผลลัพธ์จะอยู่ได้นาน 1-2 เดือน และหลังจากนั้นฉีดทุกๆ 2 อาทิตย์ เพื่อคงสภาพ ถ้าหากคนไข้อยากรักษาสภาพผิวไปเรื่อยๆ ก็สามารถฉีดซ้ำได้ค่ะ
การดูแลตนเองหลังฉีด Filorga’s NCTF 135 HA ?
ผู้ที่มีผิวบางหรือขาว อาจเห็นรอยเข็มหลังทำหรือตุ่มนูนเล็กๆขึ้นมาซึ่งรอยเข็มนี้จะค่อย ๆ หายไปเองหรืออาจจะใช้การประคบเย็นช่วย ควรทาครีมบำรุงผิวเว้นบริเวณปากแผล เพื่อให้รอยเข็มปิดและผิวหน้ากระชับขึ้น ถ้ามีอาการเขียวช้ำ ก็สามารถประคบเย็นเบาๆบริเวณที่ฉีดได้เช่นกัน และต้องงดการนวดหน้าด้วยความร้อนหรืออบซาวน่า 1 สัปดาห์หลังการฉีด ที่สำคัญอีกหนึ่งอย่างคืองดดื่มแอลกอฮอล์ 1 สัปดาห์หลังการฉีด
ฟิลอก้าคือทางเลือกที่สวยงามสำหรับสาว ๆ ที่ต้องการปกปิด ริ้วรอยและรอยหมองคล้ำบนใบหน้า เพราะมีการประสาน 2 นวัตกรรมเข้าไว้ด้วยกัน ทำให้ได้ผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจเป็นอย่างมาก จึงส่งผลได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในวงการความงาม เพราะสามารถแก้ไขปัญหาได้ตรงจุด รวดเร็ว ประหยัดทั้งเงินและเวลา ไม่มีบาดแผลใหญ่มีแค่รอยเข็มเท่านั้น
มาเด้เท็นโซเน่ ( Tensonez )

.
มาเด้ Tensonez คืออะไร ?
มาเด้ Tensonez เป็นมาเด้หน้าใสจากประเทศเกาหลีค่ะ จุดเด่นของ Tensonez คือช่วยในการลดฝ้า ลดกระ ช่วยให้หน้าขาวกระจ่างใส ปรับผิวที่ไม่สม่ำเสมอให้ดูเรียบเนียนสดใส ฟื้นฟูสภาพผิวให้แข็งแรงขึ้น โดยจะเห็นผลค่อนข้างไว ตัวยาไม่แสบมากค่ะ
Meso Tensonez มีส่วนผสมของสารที่มีประโยชน์และช่วยบำรุงผิวหลายชนิด เช่น
- Acetyl Hexapeptide-8 (Argireline) เป็นเปปไทด์ทำหน้าที่ลดการยึดตัวของกล้ามเนื้อ ทำให้ผิวใส เรียบเนียน
- Multipeptide เป็นสารที่ช่วยเรื่อง Anti-aging เพิ่มความยืดหยุ่น ฟื้นฟูสภาพผิวให้แข็งแรง
- Hyaluronic acid ช่วยกักเก็บความชุ่มชื้นให้เซลล์ผิว ช่วยเพิ่มปริมาณคอลลาเจนในชั้นผิว ผิวจึงดูเรียบเนียนและอ่อนเยาว์ครับ
- Glutathione ช่วยปรับสีผิวให้กระจ่างใส
- Collagen ช่วยให้ผิวมีความแข็งแรงและยืดหยุ่น เนียนใส
มาเด้ Tensonez ต่างจากมาเด้ตัวอื่นๆ อย่างไร ?
มาเด้หน้าใสมีหลายสูตรครับ แต่ละสูตรจะมีจุดเด่นที่แตกต่างกัน หมอจะประเมินจากผิวของคนไข้ เรื่องที่คนไข้กังวล รวมถึงงบประมาณในการทำ และเลือกใช้สูตรที่เหมาะสมที่สุดให้ค่ะ
จุดเด่นของมาเด้หน้าใสแต่ละยี่ห้อ
- มาเด้ คอลลาเจน – เน้นลดสิว ผดผื่น ขับสารพิษ ช่วยให้ผิวแข็งแรงขึ้น
- Filorga / Revs – เน้นผิวขาวใส ลดฝ้า เติมความชุ่มชื้น ช่วยบำรุงผิวแบบ premium
- Tensonez / Depigment – ลดปัญหาฝ้า กระ บนใบหน้า ให้หน้าขาวใส
- Alpha arbutin – เน้นลดฝ้าโดยตรง
เทคนิกการฉีด 16 จุดทั่วใบหน้า ?
เทคนิคการฉีดมาเด้ 16 จุด เป็นเทคนิคที่ฉีดตัวยามาเด้ เข้าไปตามจุดฝังเข็ม 16 จุดทั่วใบหน้า ช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของต่อมน้ำเหลืองใต้ผิวหนัง
การฉีดมาเด้ 16 จุดบนใบหน้า จะช่วยทำให้ผลการรักษาดียิ่งขึ้น กระตุ้นการทำงานของระบบต่าง ๆ ภายในร่างกายที่มีผลต่อสุขภาพผิวหน้า ดีกว่าการฉีดสมัยก่อนที่ใช้การสะกิดทั่วใบหน้า ทำให้เป็นแผลน้อยกว่า เจ็บน้อยกว่า ตัวยาออกฤทธิ์ได้ดีและยาวนานกว่าค่ะ
ฉีดมาเด้ Tensonez กี่วันเห็นผล ?
หลังฉีดมาเด้ จะเริ่มเห็นผลว่าผิวหน้าสุขภาพดีขึ้นในวันที่ 3 ค่ะ สำหรับคนที่มีปัญหาผิวทั่วไป ไม่ได้หนักมาก ก็จะรู้สึกได้ถึงความแตกต่างตั้งแต่การฉีดครั้งที่ 1 หรือ 2 ค่ะ ส่วนในคนที่มีปัญหาผิวมากๆ ก็อาจจะใช้ระยะเวลา 4-5 สัปดาห์ ก็จะเห็นผลการเปลี่ยนแปลงชัดเจนขึ้นค่ะ
ฉีดมาเด้ Tensonez กี่ครั้งเห็นผล ?
จริง ๆ แล้วสามารถเห็นผลได้ตั้งแต่ครั้งแรกค่ะ คนไข้จะรู้สึกผิวนุ่มลื่นขึ้น ชุ่มชื้น เปล่งปลั่ง อิ่มฟู เรียบเนียน และ เม็ดสีดูจางลง หน้าขาวกระจ่างใสทั่วใบหน้า สีผิวแลดูสม่ำเสมอ แต่หากต้องการให้เห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนดียิ่งขึ้น ควรฉีดอย่างต่อเนื่อง 1 ครั้ง1 ต่อสัปดาห์ โดยฉีดติดต่อกันฉีด 5 ครั้ง ขึ้นไปค่ะ
มาเด้ Tensonez อยู่ได้นานแค่ไหน ?
หลังฉีดมาเด้ หมอแนะนำให้กลับมาฉีดอาทิตย์ละครั้งใน 1 เดือนแรก ผลลัพธ์จะอยู่ได้นาน 1-2 เดือน และหลังจากนั้นฉีดทุกๆ 2 อาทิตย์ เพื่อคงสภาพ ถ้าหากคนไข้อยากรักษาสภาพผิวไปเรื่อยๆ ก็สามารถฉีดซ้ำได้ค่ะ
การดูแลตนเองหลังฉีด Tensonez ?
ผู้ที่มีผิวบางหรือขาว อาจเห็นรอยเข็มหลังทำหรือตุ่มนูนเล็กๆขึ้นมาซึ่งรอยเข็มนี้จะค่อย ๆ หายไปเองหรืออาจจะใช้การประคบเย็นช่วย ควรทาครีมบำรุงผิวเว้นบริเวณปากแผล เพื่อให้รอยเข็มปิดและผิวหน้ากระชับขึ้น ถ้ามีอาการเขียวช้ำ ก็สามารถประคบเย็นเบาๆบริเวณที่ฉีดได้เช่นกัน และต้องงดการนวดหน้าด้วยความร้อนหรืออบซาวน่า 1 สัปดาห์หลังการฉีด ที่สำคัญอีกหนึ่งอย่างคืองดดื่มแอลกอฮอล์ 1 สัปดาห์หลังการฉีด
ฟิลอก้าคือทางเลือกที่สวยงามสำหรับสาว ๆ ที่ต้องการปกปิด ริ้วรอยและรอยหมองคล้ำบนใบหน้า เพราะมีการประสาน 2 นวัตกรรมเข้าไว้ด้วยกัน ทำให้ได้ผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจเป็นอย่างมาก จึงส่งผลได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในวงการความงาม เพราะสามารถแก้ไขปัญหาได้ตรงจุด รวดเร็ว ประหยัดทั้งเงินและเวลา ไม่มีบาดแผลใหญ่มีแค่รอยเข็มเท่านั้น
มาเด้ Depigment

.
มาเด้ Depigment เหมาะกับใคร ?
- คนที่มีปัญหาริ้วรอย ฝ้า กระ จุดด่างดำ ที่เกิดจากรังสี UVA และ UVB หรือในผู้ที่มีฝ้า กระเนื่องจากฮอร์โมนผิดปกติในบางราย
- คนที่มีผิวแพ้ง่าย ต้องการกระตุ้นให้เกิดการสร้างเซลล์ผิวใหม่ เพื่อฟื้นฟูผิวให้แข็งแรง
- คนที่ต้องการปรับสภาพผิวให้ผิวขาวใส เปล่งปลั่ง
มาเด้ Depigment คืออะไร ?
สูตร Depigment ช่วยลดการเกิดเม็ดสี ลดการเกิดฝ้า กระ จุดด่างดำ
โปรแกรม Vitamin ผิว
เติมวิตามินผิวสว่างออร่า ผลลัพธ์ที่ชัดเจนและรวดเร็ว

.
เติมวิตามินผิวต้องทำกี่ครั้งจึงเห็นผลผิวกระจ่างใส?
การเติมอาหารให้กับผิวเป็นวิธีการบำรุงรูปแบบหนึ่ง จะค่อยๆเห็นผลการเปลี่ยนแปลงแบบค่อยเป็นค่อยไป เป็นการเสริมสร้างคอลลาเจนในผิวให้แข็งแรงเปิดรับการบำรุงและต้านอนุมูลอิสระ หลังการเติมวิตามินผิวในครั้งแรก จะเริ่มรู้สึกถึงผิวที่เรียบเนียนขึ้น เพื่อให้ผลลัพธ์ชัดเจน แนะนำให้เติมวิตามินแก่ผิวเพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ต่อเนื่องอย่างน้อย 3-5 ครั้ง สามารถทำได้ทุกๆ 1-2 สัปดาห์ขึ้นกับสูตรที่เลือก โดยไม่เป็นอันตรายใดๆต่อร่างกาย
เติมวิตามินผิวมีส่วนช่วยเรื่องการสร้างภูมิคุ้มกันหรือไม่? ในยุคโควิด
วิตามินสำหรับเติมในผิวด้วยการเติมผ่านสายน้ำเกลือส่งผ่านเข้าเส้นเลือดเป็นกลุ่มวิตามินต้านอนุมูลอิสระอยู่แล้ว ซึ่งนอกจากจะได้เรื่องผิวพรรณ ยังมีส่วนในการเสริมภูมิคุ้นกัน ต้านเชื้อโรคได้ดีขึ้นอีกด้วย
มูตาน พาวิลเลี่ยน มีสูตรเสริมภูมิคุ้มกันโดยเฉพาะ สามารถรับคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญเพื่อประกอบการตัดสินใจเลือกสูตรวิตามินได้เลยค่ะ
ข้อควรระวังก่อนเติมวิตามินผิว ?
- ผู้ที่ตั้งครรภ์หรือกำลังให้นมบุตร ยังไม่ควรเติมวิตามินเนื่องจากเป็นวิตามินเข้มข้น ร่างกายของเด็กยังไม่เหมาะที่จะได้รับวิตามินเข้มข้นเทียบเท่าผู้ใหญ่
- ระวังตัวยาปลอม ต้องใช้วิตามินแท้ผ่านมาตรฐานอย.เท่านั้น ควรเลือกเติมวิตามินกับคลินิกที่มาตรฐาน
- การเติมวิตามินผิวให้ผิวกระจ่างใส ไม่เห็นผลทันทีหลังการฉีด จำเป็นต้องบำรุงต่อเนื่องโดยจะเห็นการเปลี่ยนแปลงแบบค่อยไปค่อยไป ขึ้นกับสภาพผิวเดิมและการดูแลตัวเองร่วมด้วย
ข้อดีและข้อควรระวังก่อนตัดสินใจเติมวิตามินผิว ?
- ร่างกายนำสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อผิวไปใช้ได้ทันที ผ่านกระแสเลือดโดยไม่ต้องผ่านกระบวนการอื่นของร่างกาย
- เห็นผลลัพธ์รวดเร็วและชัดเจนหลังการเติมต่อเนื่อง 3-5 ครั้ง
- เป็นการฟื้นฟูผิวที่หมองคล้ำให้กระจ่างใสสุขภาพดี
- ระตุ้นภูมิคุ้มกันให้แก่ร่างกาย เหมาะอย่างมากในช่วงโควิด นอกจากภูมิคุ้มกันจะดีแล้วยังได้ผิวพรรณที่สวยขึ้นด้วย
- ไม่มีผลข้างเคียงหลังการเติมวิตามิน เนื่องจากเป็นสารสกัดธรรมชาติที่ร่างกายได้รับจากการทานอาหารอยู่แล้วเพียงแต่เปลี่ยนรูปแบบมาเป็นวิตามินเข้มข้นเติมเข้าผิวโดยตรง
- เป็นแอนตี้ออกซิแด๊นท์ (Anti-oxidant ) ช่วยชะลอความเสื่อมของเซลล์ ชะลอวัย
เติมวิตามินผิวช่วยเรื่องอะไรบ้าง?
มูตาน พาวิลเลี่ยน คิดค้นสูตรวิตามินผิวเพื่อแก้ไขปัญหาของคนไข้แต่ละคนได้อย่างเหมาะสมที่สุด ส่วนประกอบหลักสำคัญของอาหารผิวได้แก่ Vit C, Vit B, Amino, NAC , Collagen , Glutathione ซึ่งเหล่านี้ล้วนเป็นอาหารที่สำคัญต่อผิว จะสังเกตว่าเป็นส่วนประกอบในครีมทาผิวด้วย ซึ่งหากเราทาครีมร่างกายจะไม่สามารถนำสารอาหารผิวไปใช้ได้ทั้งหมด ในขณะที่การดิปสารอาหารเข้าเส้นเลือดโดยตรง ร่างกายนำไปใช้ได้ทันทีค่ะ
- ช่วยให้ผิวกระจ่างใส เรียบเนียน สุขภาพดีจากภายในด้วยการรับอาหารผิวเข้มข้น
- แก้ไขปัญหาผิวหยาบกร้าน ผิวแห้งกร้านจากมลภาวะ
- กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในผิวทำให้ผิวดูชุ่มน้ำ
- เร่งการผลัดเซลล์ผิวให้ผิวกระจ่างใสขึ้น
- มีส่วนช่วยให้ผิวแข็งแรง เปิดรับการบำรุงจากมอยเจอร์ไรเซอร์รวมถึงไวเทนนิ่งต่างๆได้ดียิ่งขึ้น
ฉีดผิวขาว ที่ไหนดี? ฉีดผิวขาว ออร่า ทั่วเรือนร่าง
ถ้าคุณกำลังมีปัญหาสีผิวคล้ำ สีผิวไม่สม่ำเสมอ และต้องการมีผิวขาวใส สว่างออร่า ผลลัพธ์ที่ชัดเจนและรวดเร็ว
ด้วยการคัดเลือกวิตามินและสารต่อต้านอนุมูลอิสระ สูตรพิเศษของ มูตาน พาวินเลี่ยน ที่ดูแลคิดค้น ควบคุมสูตร โดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านเวชศาสตร์ชะลอวัย
(American Board of Anti-aging and Regenerative Medicine , USA) ศึกษาและวิเคราะห์จากงานวิจัยหลายพันฉบับ และงานวิจัยมาตรฐานระดับโลกเพื่อคัดเลือกสูตรที่เห็นผลไวที่สุด
โปรแกรม NAD+ Therapy
กระตุ้นการซ่อมแซมเซลล์ได้ลึกถึงระดับ DNA

.
โปรแกรม NAD+ IV Therapy ต้องทำบ่อยแค่ไหน ?
- อย่างน้อย 1 คอร์ส ต่อ 1 ปี
- แต่สำหรับผู้ที่อายุ 65 ปีขึ้นไป แนะนำให้ทำ 2 คอร์ส ต่อปี
*ข้อแนะนำควรฉีดเป็นคอร์ส เพื่อผลการรักษาที่มีประสิทธิภาพได้อย่างเต็มที่
โดยฉีด สัปดาห์ละ 1 ครั้ง เป็นระยะเวลาติดต่อกัน 4 ครั้ง
ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น ?
- ได้รับผลข้างเคียงจากการฉีดสารละลายวิตามิน เช่น การระคายเคือง การอักเสบ เลือดอุดตันบริเวณที่ฉีด
- หากทำโดยบุคลากรที่ไม่เชี่ยวชาญ อาจเกิดอันตรายจากการฉีดวิตามินที่ไม่เหมาะสม เช่น ให้วิตามินเร็วเกินไป ไม่ระวังเรื่องความสะอาด
- อาจรู้สึกจุดแน่นท้อง, ปวดศีรษะ, แน่นหน้าอก, หรือ แสบบริเวณลิ้นปี่
- ปวดเมื่อยตามตัว
ข้อห้ามสำหรับการทำโปรแกรม NAD+ IV Therapy ?
- ห้ามให้ในสตรีมีครรภ์ หรือกำลังให้นมบุตร
- ไม่ควรให้กับผู้ที่มีภาวะไตล้มเหลว
- ควรหลีกเลี่ยงในผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับหัวใจ ไต และความดันโลหิต
- ควรแจ้งให้แพทย์ทราบหากกำลังรับประทานยา อาหารเสริม มีโรคประจำตัว หรือมีประวัติการแพ้อื่นๆ
การดูแลหลังรับบริการ NAD+ IV Therapy ?
- ควรนอนพักผ่อนให้เพียงพอ
- รับประทานอาหารที่มีประโยชน์
- งดสูบบุหรี่
- งดดื่มแอลกอฮอล์
ประโยชน์ของ NAD+ IV Therapy ?
- ช่วยกระตุ้นการซ่อมแซมเซลล์ได้ลึกถึงระดับ DNA
- เพิ่มการผลิตพลังงานให้แก่เซลล์ในร่างกาย
- กระตุ้นการทำงานของโคโมโซมในร่างกายในแข็งแรงขึ้น
- เพิ่มระดับการทำงานของระบบประสาท
- ช่วยฟื้นบำรุงให้ร่างกายแข็งแรง สุขภาพดียืนยาว
- ช่วยชะลอวัย ลดเลือนความแก่ ริ้วรอยแห่งวัย
- ช่วยเร่งการเผาผลาญ
- ช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลในร่างกาย
- เติมความสดชื่นให้กลับมาสดใส แข็งแรง
- ช่วยเพิ่มพลังงานสมอง ทำให้เซลล์สมองทำงานได้อย่างเต็มที่
- ลดความอ่อนล้าของสมอง
- ช่วยบรรเทาอาการอยากยาเสพติด
- ช่วยเพิ่มความยาวของเทโลเมียร์ มีผลทำให้ร่างกายแข็งแรง มีอายุยืนยาว
- ช่วยให้การมองเห็นและได้ยินดีขึ้น
- ช่วยชะลอกระบวนการความชราของเซลล์ในร่างกาย
- ช่วยให้หลอดเลือดมีความอ่อนตัว ยืดหยุ่นได้ดี
- ช่วยกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง
- ช่วยให้ความจำดีขึ้น
เหตุใดระดับ NAD+ จึงมีความสำคัญต่อการชะลอวัย ?
ดร. เดวิด ซินแคลร์
นักวิทยาศาสตร์ด้านการชะลอวัยที่มีชื่อเสียงระดับโลกค้นพบว่าเมื่อระดับ NAD+ ลดลงมันจะเร่งให้เกิดผลข้างเคียงทางลบในกระบวนการความแก่
สิ่งที่ดร. ซินแคลร์ค้นพบคือลักษณะของยีนซูเปอร์ฮีโร่ หรือที่รู้จักกันในชื่อ Sirtuins ที่มีบทบาทอย่างมากต่ออายุร่างกาย นับได้ว่า Sirtuins เป็น CEO ของเซลล์ชะลอวัย เมื่อ Sirtuins ถูกเปิดให้ทำงาน มันจะช่วยเพื่อปกป้อง DNA และควบคุมกระบวนการความแก่ของเซลล์ของคุณ อย่างไรก็ตาม Sirtuins จำเป็นต้องไปเพิ่มระดับ NAD+ ให้กับการทำงานเพื่อเริ่ม/ หยุดการป้องกันที่เชื่อมโยง กับโรคต่างๆที่เกี่ยวข้องกับอายุ กล่าวอีกนัยหนึ่ง Sirtuins สามารถ เปิด และ ปิด ยีนบางตัวที่เชื่อมโยงกับความแก่เหมือนสวิตช์ไฟ ด้วยจำนวนของ NAD+ ที่มากมายทำให้เซลล์ของคุณสามารถเปิดใช้งานยีนเพื่อป้องกัน และแก้ไขความเสียหายของดีเอ็นเอที่ทำให้เซลล์ของคุณมีชีวิตที่ยืนยาว และมีสุขภาพที่ดีนำไปสู่คุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น และอายุที่ยืนยาวขึ้น
การใช้ NAD+ ในปริมาณสูงจะช่วยปรับระดับ NAD+ ของคุณอย่างรวดเร็ว เพื่อเร่งการทำงานของเซลล์ ( ที่เรียกว่าไมโทคอนเดีย ) ให้แปลงเป็นพลังงานมากขึ้นทำให้การทำงานของสมองแข็งแรงขึ้น และเป็นประโยชน์ต่อการชะลอวัยโดยรวม
การลดลงของระดับ NAD+ ทำให้เกิดความชรา ?
นักวิทยาศาสตร์ทราบดีว่า NAD+ เป็นหนึ่งในโมเลกุลที่สำคัญที่สุดในร่างกาย และเราจะสูญเสียมันไปตามอายุขัย ทำให้เกิดปัญหาด้านสุขภาพต่างๆ น่าเสียดายที่ระดับ NAD+ จะลดลงในระหว่างกระบวนการความแก่ ระดับ NAD+ ในวัยกลางคนจะลดลงเหลือน้อยกว่า 50% ของระดับความหนุ่มสาว และจะลดลงเหลือเพียง 1% – 10%
เมื่อคุณมีอายุ 80 ปี การลดลงของระดับ NAD+ ส่งผลให้เกิดการปิดการทำงานของโปรตีน Sirtuins และยับยั้งการทำงานของเอนไซน์ PARP ซึ่งทั้งสองอย่างส่งผลเสียต่อการทำงานของสมองและสุขภาพของระบบประสาทของเรา
เมื่อระดับ NAD+ ลดลง ก่อให้เกิดการ เสื่อมถอยของระบบประสาท และความจำระดับการแปลงพลังงานลดลง เกิดภาวะของโรคหัวใจ โรคอ้วน ภาวะมีบุตรยาก และปัญหาอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องตามอายุขัย
โปรแกรม NAD+ IV Therapy เหมาะกับใครบ้าง ?
- ผู้ที่อยากเพิ่มความแข็งแรงให้สุขภาพภายร่างกาย ให้อายุยืนยาวขึ้น
- ผู้ที่ต้องการช่วยเพิ่มระดับการทำงานของร่างกาย และช่วยลดความเหนื่อยล้า
- ผู้ที่ต้องการฟื้นฟูการทำงานของระบบประสาทและสมอง
- ผู้ที่ประสบกับปัญหาหรือภาวะ การทำงานของระบบสมองเสื่อมถอยลง
- ผู้ที่ชอบออกกำลังกาย
- ผู้ที่ความอ่อนล้า อ่อนเพลีย สะสม จะช่วยฟื้นบำรุงร่างกาย รู้สึกถึงความสดชื่น เฟรชขึ้น
- ผู้ที่ต้องการฟื้นฟูความแข็งแรงการทำงานของกล้ามเนื้อ
- ผู้ที่กำลังเร่งลดน้ำหนัก
- ผู้ที่มีปัญหาคอลเลสเตอรอลสูง จะช่วยลดคอเลสเตอรอลในร่างกาย
- ผู้ที่เคยติดสารเคมีหรือใช้สารเคมีมากไปในทางที่ไม่ถูก
- ผู้ที่ต้องการ ชะลอการความเสื่อมของเซล์ต่างๆ
- ผู้ที่ต้องการมีสุขภาพดีระยะยาว
- ผู้ที่ต้องการมีอายุยืนยาว
- ผู้ที่ต้องการฟื้นฟูเซลล์ในร่างกาย ให้สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- ผู้ที่ต้องการฟื้นฟูการทำงานของระบบประสาท
- ผู้ที่ต้องการเพิ่มพลังงานสมอง ช่วยในเรื่องของความจำ
- ผู้ที่ต้องการฟื้นฟูความเหนื่อยล้า และเพิ่มระดับพลังงาน
- ผู้ที่ต้องการฟื้นฟูความแข็งแรงและการทำงานของกล้ามเนื้อ รวมถึงเซลล์ต่างๆ ในร่างกาย
- ผู้ที่ต้องการลดน้ำหนัก และการเผาผลาญไขมัน
NAD+ คืออะไร ?
โปรแกรม Nicotinamide adenine dinucleotide (NAD+) therapy คือการพัฒนาล่าสุดของการชะลอวัย และการเสื่อมของสมอง พบได้ในเซลล์ที่มีชีวิตแทบทุกชนิด NAD+ มาจากวิตามินบี และมีความจำเป็นต่อการดำรงชีวิตให้ยืนยาว
NAD+ คือโคเอนไซม์ที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ สามารถพบได้ในเซลล์ที่ช่วยส่งเสริมการงอกใหม่ของเซลล์และการแปลงพลังงานของเซลล์ เป็นสารประกอบสำคัญสำหรับร่างกายมนุษย์เนื่องจาก สารตัวนี้จะช่วยซ่อมแซม DNA ช่วยซ่อมแซมเซลล์ และเมตาบอลิซึมของเซลล์ให้ดีขึ้น แล้วยังช่วยเพิ่มระดับของ NAD+ เพื่อชะลอกระบวนการความแก่ หรือช่วยป้องกันโรคต่างๆที่เกี่ยวข้องกับอายุ
✓ ทุกเคสทำการฉีดโดยแพทย์ Speaker ผู้สอนฉีดฟิลเลอร์ ที่มีความเชี่ยวชาญ
✓ การันตีด้วยรางวัล Trainer Honorable Recognition Award 2022
✓ มั่นใจ ปลอดภัย ด้วยฟิลเลอร์แท้
✓ พร้อมให้คำปรึกษาและมีการวิเคราะห์ออกแบบปรับรูปหน้าเฉพาะบุคคลได้อย่างตรงจุด
✓ เทคนิคเฉพาะของทีมแพทย์ ที่ Mudan Pavilion Wellness Center
✓ ใส่ใจติดตามผลหลังทำหัตถการทุกเคสดูแลคุณเหมือนคนในครอบครัว
“ยืนยันจากทุกเสียงของคนไข้ถึงความมือเบา ความปราณีตของคุณหมอ”
