การปรับรูปหน้าผากให้โค้งสวยและดูอิ่มเอิบสามารถทำได้ทั้งการฉีดฟิลเลอร์หน้าผากและการฉีดไขมันบริเวณหน้าผาก ซึ่งทั้งสองวิธีมีจุดเด่นและผลลัพธ์ที่แตกต่างกัน การฉีดฟิลเลอร์ให้ผลลัพธ์ที่รวดเร็ว ไม่ต้องพักฟื้นนาน เหมาะกับคนที่ต้องการเห็นการเปลี่ยนแปลงทันที ส่วนการฉีดไขมันเป็นการนำไขมันตัวเองมาเติมเต็ม ช่วยให้ผิวดูเป็นธรรมชาติและอยู่ได้นานกว่า แต่ต้องมีขั้นตอนการดูดไขมันก่อน หลายคนอาจลังเลว่าจะเลือกวิธีไหนดี บทความนี้จะพาไปเทียบชัด ๆ เพื่อช่วยให้ตัดสินใจได้ง่ายขึ้น
สารบัญ
- ฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก คืออะไร ?
- ฉีดไขมันหน้า คืออะไร
- ฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก & ฉีดไขมันหน้า ช่วยเรื่องอะไร
- จุดที่เหมือนกันระหว่าง ฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก & ฉีดไขมันหน้าผาก
- ฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก VS ฉีดไขมันหน้า ต่างกันยังไง
- เปรียบเทียบค่าใช้จ่าย
- ฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก กับ ฉีดไขมันหน้า ฉีดร่วมกันได้ไหม
- สรุป
ฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก คืออะไร ?
อย่างที่ทราบกัน การฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก เป็นเทคนิคเสริมความงามที่ช่วยแก้ไขรูปทรงของหน้าผาก ไม่ว่าจะเป็นหน้าผากยุบ หน้าผากบุ๋ม หรือหน้าผากแบน ให้มีรูปทรงสวยงาม และมีความสมดุล นอกจากนี้ยังช่วยลดเลือนริ้วรอยบริเวณหน้าผาก และช่วยในการเสริมโหงวเฮ้งบนใบหน้า รวมถึงทำให้หน้าผากดูมีมิติมากขึ้น
โดยการฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก ทางแพทย์จะทำการรักษาด้วยการฉีดสารที่มีชื่อว่า ไฮยาลูโรนิก แอซิด (Hyaluronic Acid: HA) เข้าสู่ผิวหนังตรงตำแหน่งที่ต้องการปรับแต่ง เพื่อช่วยเติมเต็ม และปรับแต่งรูปทรงให้ดูเป็นธรรมชาติ และมีความสวยงาม
ฉีดไขมันหน้า คืออะไร

การฉีดไขมันหน้า เป็นเทคนิคการเสริมความงามที่ช่วยเติมเต็มใบหน้า เช่น บริเวณแก้ม ขมับ หน้าผาก ให้มีความเอิบอิ่ม ดูสดใส และใบหน้าดูอ่อนเยาว์ขึ้น นอกจากนี้ยังช่วยแก้ไขปัญหาริ้วรอยบนใบหน้า และช่วยในการปรับแต่งรูปทรงใบหน้าให้มีความสมส่วน และสวยงาม
โดยการฉีดไขมันหน้า ทางแพทย์จะทำการนำเอาไขมันจากร่างกายของผู้รับการรักษามาใช้ ซึ่งกระบวนการทำจะเริ่มจากการดูดไขมันออกจากส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย เช่น บริเวณหน้าท้อง ต้นขา หรือสะโพก จากนั้นจะทำการเตรียม และแยกเอาเซลล์ไขมันบริสุทธิ์เพื่อนำไปฉีดเติมในบริเวณที่ต้องการ โดยวิธีการนี้จะให้ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติ
ฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก & ฉีดไขมันหน้า ช่วยเรื่องอะไร
อย่างที่ทุกคนรู้ การฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก เป็นการฉีดสาร ไฮยาลูโรนิก แอซิด (Hyaluronic Acid: HA) เข้าสู่ผิวหนังตรงตำแหน่งที่ต้องการปรับแต่ง ซึ่งจะช่วยในการเติมเต็มหน้าผาก เช่น หน้าผากแบน หน้าผากบุ๋ม หรือหน้าผากยุบ ให้มีความโหนกนูน ดูเอิบอิ่ม และมีมิติมากขึ้น นอกจากนี้ยังช่วยในการปรับรูปหน้าให้ได้สัดส่วน สวยงาม และยังช่วยในการลดเลือนริ้วรอย รอยร่องลึกบนหน้าผากให้มีความเรียบเนียน รวมถึงยังช่วยแก้ไขรอยแผลเป็น หรือรอยตำหนิบนหน้าผาก
ส่วน การฉีดไขมันหน้า เป็นการนำเอาไขมันจากร่างกายของผู้รับการรักษามาใช้ โดยกระบวนการทำจะเริ่มจากการดูดไขมันออกจากส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย จากนั้นทำการเตรียม และแยกเอาเซลล์ไขมันบริสุทธิ์เพื่อนำไปฉีดเติมในบริเวณที่ต้องการ ซึ่งจะช่วยในการเติมเต็มส่วนต่าง ๆ บนใบหน้า เช่น แก้ม ขมับ หรือหน้าผาก ให้มีความอิ่มเอิบ ดูสดใส และทำให้ใบหน้าดูอ่อนกว่าวัย นอกจากนี้ยังช่วยเติมเต็มรอยร่องลึก ช่วยลดเลือนริ้วรอยให้มีความตื้นขึ้น และยังช่วยในการปรับรูปหน้าให้มีความละมุน และมีมิติยิ่งขึ้น รวมถึงช่วยให้ผิวหน้ามีสุขภาพดี เนื่องจาก สเต็มเซลล์ในไขมัน จะช่วยฟื้นฟูสภาพผิว
จุดที่เหมือนกันระหว่าง ฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก & ฉีดไขมันหน้าผาก
การฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก และการฉีดไขมันหน้าผาก เป็นหัตถการเพื่อความงามที่มีวัตถุประสงค์หลักเหมือนกัน คือการเพิ่มปริมาตรให้กับหน้าผาก เพื่อทำให้หน้าผากมีความเอิบอิ่มขึ้น มีความโหนกนูน โค้งมน ทำให้ใบหน้าดูมีมิติ และทำให้ใบหน้าดูสมส่วนสวยงาม ถึงแม้ทั้งสองวิธีจะมีการใช้สารที่ทำการฉีดต่างกัน แต่ทั้งสองวิธีก็มีจุดที่เหมือนกัน ดังนี้
- วัตถุประสงค์สำหรับการฉีด ทั้งสองวิธีจะเพิ่มปริมาตรให้กับหน้าผาก ทำให้หน้าผากมีความโค้งมน เพื่อแก้ไขปัญหาหน้าผากแบน หน้าผากบุ๋ม และต้องการให้ใบหน้ามีความสมดุล สวยงาม
- การฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก และการฉีดไขมันหน้าผาก เป็นหัตถการเสริมหน้าผากแบบไม่ต้องทำการผ่าตัด และเป็นการฉีดสารเติมเต็มเข้าใต้ผิวหนังโดยการใช้เข็ม
- กระบวนการทำ ทั้งสองวิธีต้องทำโดยแพทย์ที่มีความชำนาญ เนื่องจากหน้าผากมีเส้นเลือดสำคัญ หากเกิดการฉีดผิดตำแหน่ง อาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อน เช่น การอุดตันของหลอดเลือด
- ระยะเวลาของการเห็นผลลัพธ์ ทั้งการฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก และการฉีดไขมันหน้าผาก สามารถเห็นผลลัพธ์ทันทีหลังจากการฉีด
- อาการข้างเคียง หลังจากการฉีดอาจจะมีอาการบวม หรืออาการช้ำตรงบริเวณที่ทำการฉีด โดยอาการเหล่านี้จะหายไปเอง ภายใน 3 – 7 วัน
ฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก VS ฉีดไขมันหน้า ต่างกันยังไง
การฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก | การฉีดไขมันหน้าผาก |
---|---|
1. ฉีดโดยใช้สารเติมเต็ม HA มีความปลอดภัยสูง 2. เห็นผลลัพธ์ทันทีหลังฉีด 3. ไม่ต้องผ่าตัด ไม่มีแผล ไม่ต้องพักฟื้น 4. อาการบวมหลังฉีดดีขึ้นใน 2-3 วัน 5. เห็นผลชัดเจนใน 2 สัปดาห์ 6. ฟิลเลอร์จะสลายไปตามระยะเวลาของแต่ละยี่ห้อ | 1. ต้องใช้ไขมันที่ดูดจากบริเวณอื่นมาเติมหน้าผาก 2. ลดความเสี่ยงในการแพ้ เนื่องจากใช้ไขมันตัวเอง 3. มีกระบวนการดูดไขมัน และต้องนำมาปั่นแยกเป็นของเหลว 4. มีแผลจากตำแหน่งที่ดูดไขมันมาใช้ 5. มักไม่ได้ผลในการฉีดครั้งแรก ต้องฉีดซ้ำหลายครั้ง 6. มีโอกาสเกิดปัญหาผิวไม่เรียบเสมอกัน |

เปรียบเทียบค่าใช้จ่าย
การฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก หรือการฉีดไขมันที่หน้าผาก เป็นสองวิธีที่มีค่าใช้จ่ายต่างกัน การฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก อาจต้องเสียค่าฟิลเลอร์ที่ใช้ ค่าแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ส่วนการฉีดไขมันที่หน้าผาก อาจมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม เช่น ค่าดูดไขมันจากร่างกาย ค่ายา ค่าแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ และค่าการดูแลหลังทำ หากเปรียบเทียบค่าใช้จ่ายสำหรับสองวิธีนี้ อาจสรุปได้ว่า การฉีดไขมันที่หน้าผาก มีค่าใช้จ่ายที่สูงกว่าการฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก
ฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก กับ ฉีดไขมันหน้า ฉีดร่วมกันได้ไหม
การฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก และการฉีดไขมันหน้า สามารถฉีดร่วมกันได้ โดยการฉีดไขมันจะใช้เพื่อเติมเต็มในบริเวณที่ต้องการปริมาณมาก เช่น หน้าผาก แก้ม หรือขมับ ส่วนการฉีดฟิลเลอร์จะใช้เพื่อเก็บรายละเอียดตรงจุดเล็ก ๆ ที่ต้องการความแม่นยำ เช่น ขอบหน้าผาก หรือบริเวณที่ไขมันไม่สามารถเข้าถึงได้ง่าย การฉีดร่วมกันจะช่วยให้ใบหน้ามีความเต็มขึ้น มีความละมุน และเป็นธรรมชาติมากขึ้น ทั้งนี้ก่อนการฉีดร่วมกันควรได้รับการประเมินจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อน เพื่อความปลอดภัย และเพื่อผลลัพธ์ที่ตรงกับความต้องการ
สรุป
การฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก เป็นการฉีดสารเติมเต็มสารไฮยาลูโรนิค แอซิด (HA) เข้าตรงบริเวณหน้าผาก เพื่อแก้ไขปัญหาหน้าผากแบน หน้าผากบุ๋ม และหน้าผากยุบ ทำให้หน้าผากมีความโหนกนูน และช่วยลดเลือนริ้วรอย โดยผลลัพธ์จะอยู่ได้ประมาณ 6 – 18 เดือน ซึ่งเหมาะกับผู้ที่ต้องการเห็นผลลัพธ์แบบทันที และไม่ต้องเสียเวลาพักฟื้น
ส่วนการฉีดไขมันหน้า เป็นการนำไขมันจากร่างกายของผู้รับการรักษามาใช้ โดยดูดไขมันออกจากส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย เช่น บริเวณหน้าท้อง ต้นขา หรือสะโพก เพื่อเติมเต็มใบหน้าให้มีความเอิบอิ่ม และให้ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติ นอกจากนี้ประโยชน์ของสเต็มเซลล์จะช่วยฟื้นฟูสภาพผิว ซึ่งผลลัพธ์จะเป็นแบบถาวรหรือกึ่งถาวร จึงเหมาะกับบุคคลที่ต้องการผลลัพธ์ระยะยาว
สุดท้าย ทั้งสองวิธีสามารถฉีดร่วมกันได้ โดยการฉีดไขมันเพื่อเติมเต็มบริเวณที่ต้องการปริมาณมาก เช่น หน้าผาก แก้ม ขมับ ส่วนการฉีดฟิลเลอร์ใช้เพื่อเก็บรายละเอียดจุดเล็ก ๆ ที่ต้องการความแม่นยำ เช่น ขอบหน้าผาก หรือบริเวณที่ไขมันเข้าถึงยาก การฉีดร่วมกันจะทำให้ใบหน้าเต็มขึ้น มีความละมุน และดูเป็นธรรมชาติมากขึ้น แต่ก่อนทำการฉีดควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อนตัดสินใจ เพื่อความปลอดภัย และผลลัพธ์ที่ตรงกับความต้องการ


