เผย 23 วิธีลดเหนียง ลดแก้ม ทั้งแบบธรรมชาติและแบบเร่งด่วน

วิธีลดเหนียง ลดแก้ม ทั้งแบบธรรมชาติและแบบเร่งด่วน

ในยุคสมัยที่รูปร่างหน้าตาเปรียบเสมือนประตูสู่โอกาส หลายคนจึงให้ความสำคัญกับการดูแลตัวเอง โดยเฉพาะบริเวณใบหน้าที่เปรียบเสมือนจุดดึงดูดสายตาอันดับแรก โดยปัญหา “เหนียง” และ “แก้ม” จึงกลายเป็นอุปสรรคที่หลายคนอยากกำจัด หลายคนทุ่มเททั้งเวลาเพื่อหาวิธีลดเหนียง ลดแก้ม แต่ก็อาจจะยังไม่ประสบความสำเร็จ บทความนี้จึงรวบรวม 23 วิธียกกระชับใบหน้า ลดเหนียง ลดแก้ม ทั้งแบบธรรมชาติและแบบเร่งด่วนเห็นผลใน 1 สัปดาห์ เพื่อให้คุณเผยผิวหน้าที่เรียวสวย ไร้ริ้วรอย มั่นใจในทุกสถานการณ์

ลดเหนียง ลดแก้ม

เหนียง คืออะไร ลักษณะของเหนียง

เหนียง คือ ไขมันส่วนเกินที่เกิดการสะสมใต้ผิวหนังบริเวณใต้คาง โดยจะมีลักษณะเป็นก้อนเนื้อนิ่มที่ห้อยย้อยลงมา จนกลายเป็น “เหนียง” ส่งผลให้คางดูมีลักษณะเป็นสองชั้น คล้ายคางหมู และทำให้ใบหน้าดูอวบใหญ่ ถึงแม้เหนียงจะไม่ได้ส่งผลอันตรายต่อชีวิต แต่ก็อาจทำให้บุคคลนั้นสูญเสียความมั่นใจ หรืออาจส่งผลกระทบต่อโหงวเฮ้งบนใบหน้า ส่งผลต่อหน้าที่การงาน เช่น พนักงานขาย เนื่องจากไขมันตรงส่วนนี้ไม่สามารถกำจัดได้ด้วยการออกกำลังกาย การควบคุมอาหาร และการลดน้ำหนัก

เหนียงเกิดจากอะไร ?

เหนียง เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้กับคนทุกเพศ ไม่ว่าจะเป็นหญิง หรือชาย ซึ่งเหนียงสามารถเกิดได้จากหลายสาเหตุ ดังนี้

  • อายุที่เพิ่มขึ้น: เมื่อคนเรามีอายุมากขึ้น เซลล์ในร่างกายจะเสื่อมสภาพลง ส่งผลให้ผิวหนังหย่อนคล้อย การเผาผลาญไขมันช้าลง และไขมันสะสมได้ง่ายขึ้น จึงทำให้เกิดเหนียง
  • การสะสมของไขมัน: การรับประทานอาหารที่มีไขมันสูงมากเกินไป เช่น ของทอด ของมัน เป็นประจำ ร่างกายจะกำจัดไม่หมด ส่งผลให้ไขมันสะสมตามส่วนต่างๆ ของร่างกาย รวมไปถึงบริเวณใต้คางจนเกิดเหนียง
  • โครงสร้างใบหน้า และคางสั้น: บุคคลที่มีคางสั้นมักเห็นเหนียงชัดเจน เนื่องจากปลายคางเชื่อมติดกับลำคอโดยตรง ทำให้เห็นเหนียงได้ชัดขึ้นเมื่อก้มหน้า
  • รับประทานของหวานมากเกินไป: ซึ่งรวมไปถึง น้ำอัดลม ชานมไข่มุก ขนมหวาน และเค้ก เป็นต้น เมื่อร่างกายได้รับน้ำตาลมากเกินไป น้ำตาลจะเปลี่ยนเป็นไขมันสะสมตามส่วนต่างๆ ของร่างกาย รวมไปถึงบริเวณเหนียง นอกจากนี้ น้ำตาลยังส่งผลเสียต่อผิวหนัง ทำให้ผิวเสื่อมสภาพ เหี่ยวหย่น และดูแก่ก่อนวัย
  • รับประทานโซเดียมมากเกินไป: ไม่ได้จำกัดอยู่แค่ อาหารที่มีรสชาติเค็มจัด แต่ยังรวมไปถึงอาหารแช่แข็ง อาหารสำเร็จรูป และเครื่องปรุงรสต่างๆ เมื่อรับประทานเข้าไป ร่างกายจะกักเก็บน้ำมากขึ้น เพื่อขับโซเดียม ส่งผลให้เกิดอาการบวมน้ำได้
  • การรับประทานผักและผลไม้น้อยเกินไป: เนื่องจากผักและผลไม้เป็นส่วนประกอบสำคัญในกระบวนการเผาผลาญและช่วยบำรุงผิวหนังให้ดูอ่อนเยาว์ ช่วยให้ผิวหนังกระชับ และเสริมสร้างความแข็งแรงให้กับเซลล์ผิว การรับประทานผักและผลไม้น้อย จะส่งผลให้ผิวหนังเสื่อมสภาพและอาจทำให้เกิดเหนียงได้
  • การรับประทานมื้อดึก: เนื่องจากระบบย่อยอาหารต้องใช้เวลาหลายชั่วโมงในการย่อยอาหาร การรับประทานมื้อดึกเป็นประจำ จะส่งผลต่อระบบเผาผลาญของร่างกาย ทำให้เกิดการสะสมของไขมัน
  • การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์: แอลกอฮอล์เป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดเหนียง เนื่องจากส่งผลต่อระบบเผาผลาญของร่างกาย ทำให้เกิดการสะสมของไขมัน นอกจากนี้ ยังทำให้ร่างกายเกิดภาวะขาดน้ำ ส่งผลให้ร่างกายกักเก็บน้ำมากขึ้น เกิดอาการบวมน้ำ

13 วิธีลดเหนียงใต้คาง ลดแก้ม ด้วยตัวเอง

การลดเหนียงใต้คาง ลดแก้มด้วยตัวเอง เป็นวิธีการที่ต้องอาศัยการมีวินัย เนื่องจากต้องมีการทำอย่างสม่ำเสมอ และต้องทำเป็นเวลานานกว่าจะเห็นผล ซึ่งวิธีการลดเหนียง ลดแก้ม ด้วยตัวเอง มีหลากหลายวิธี ดังนี้

  1. การออกกำลังกาย เพื่อลดแก้มหรือเหนียงใต้คาง เป็นการบริหารกล้ามเนื้อบนใบหน้าเพื่อให้เกิดความกระชับและป้องกันผิวหนังบริเวณใบหน้าหย่อนคล้อย โดยท่าบริหารมีดังนี้
    • ท่าที่ 1 ใช้นิ้ววางบนแก้มทั้ง 2 ข้าง จากนั้นอ้าปากให้กว้าง ก่อนที่จะใช้นิ้วดันยกแก้มขึ้นทิ้งไว้ จนรู้สึกตึงบนใบหน้า ค้างท่านี้ไว้ 5 วินาที จากนั้นทำซ้ำ 10 ครั้ง ท่านี้จะช่วยบริหารกล้ามเนื้อให้เกิดความกระชับ และทำให้แก้มมีขนาดที่เล็กลง
    • ท่าที่ 2 เงยหน้าขึ้น และดูดแก้มเข้าหากันให้ได้มากที่สุด ทำค้างท่านี้ไว้ 5 วินาที จากนั้นทำซ้ำ 10 ครั้ง ท่านี้จะช่วยบริหารกล้ามเนื้อตรงบริเวณแก้ม ช่วยให้สันกรามมีความชัดขึ้น และช่วยลดเหนียงตรงบริเวณใต้คาง รวมถึงทำให้ใบหน้าดูเรียวขึ้น
    • ท่าที่ 3 เงยหน้าขึ้น และขยับริมฝีปากล่างให้ครอบทับริมฝีปากบนให้ได้มากที่สุด ทำค้างท่านี้ไว้ 10  วินาที จากนั้นทำซ้ำ 10 ครั้ง ท่านี้จะทำให้ความรู้สึกตึง ซึ่งจะช่วยให้กล้ามเนื้อมกรามตรงบริเวณกรอบหน้า และเหนียงใต้คางเกิดความกระชับ
  2. การเคลื่อนไหวอย่างสม่ำเสมอ: การเคลื่อนไหวร่างกายอย่างสม่ำเสมอ ช่วยเผาผลาญพลังงานและลดไขมันสะสมบริเวณแก้มและเหนียง
  3. การใช้อุปกรณ์ลดแก้ม: อุปกรณ์ลดแก้ม เช่น หินกัวซา ลูกกลิ้ง หรือการนวดใบหน้า ช่วยปรับสมดุลบนใบหน้า ปรับกล้ามเนื้อ และปรับสมดุลการไหลเวียนเลือดและน้ำเหลือง ส่งผลให้ใบหน้าดูเรียวขึ้น กระชับ และเล็กลง ผิวหน้าดูสดใส
  4. การปรับเปลี่ยนท่านอน: ท่านอนไม่ได้ช่วยลดแก้มโดยตรง แต่ช่วยให้คนที่มีแก้ม หน้าไม่บวมมากขึ้น ควรใช้หมอนหนุนที่พอดี ไม่สูงหรือต่ำเกินไป เพื่อให้เลือดไหลเวียนสะดวก และไม่ควรนอนคว่ำ เพราะความชื้นจะสะสมบนใบหน้า ทำให้หน้าบวมหลังตื่นนอน
  5. การเป่าลูกโป่ง: การเป่าลูกโป่งช่วยบริหารกล้ามเนื้อแก้มให้กระชับและตึง เมื่อเป่าลม กล้ามเนื้อแก้มจะขยายออก ช่วยลดแก้มและบริหารกล้ามเนื้อบนใบหน้า
  6. การจัดฟัน: การจัดฟันไม่ใช่การลดแก้มโดยตรง แต่ช่วยให้แก้มดูเล็กลงหรือตอบลง เนื่องจากการจัดฟันทำให้เคี้ยวอาหารไม่สะดวก ทานอาหารได้น้อยลง ไขมันบริเวณใบหน้าลดลง กล้ามเนื้อบริเวณกรามที่ใช้เคี้ยวอาหารทำงานน้อยลง ส่งผลให้แก้มดูเล็กลง
  7. การปรับแต่งทรงผมและการแต่งหน้า: สำหรับบางคนที่มีแก้มเยอะ แก้มป่อง และใบหน้าดูกลม นิยมปล่อยผมเพื่อปิดแก้มทั้งสองข้าง หรือแต่งหน้าอำพราง เช่น การคอนทัวร์หรือการเฉดดิ้งบริเวณกราม จะทำให้ใบหน้าดูมีมิติ เรียวขึ้น และแก้มดูเล็กลง
  8. การเคี้ยวหมากฝรั่ง: การเคี้ยวหมากฝรั่งช่วยบริหารกล้ามเนื้อลดเหนียง แต่ควรระวังไม่ให้เคี้ยวบ่อยจนเกินไป เพราะอาจทำให้กรามใหญ่ขึ้นได้
  9. การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์: หลีกเลี่ยงการทานแป้ง ของหวาน ของทอด ของมัน อาหารรสจัด และอาหารแช่แข็งที่มีโซเดียมสูง เพราะหากทานอาหารเหล่านี้มากเกินไป ร่างกายจะกักเก็บน้ำมากขึ้นเพื่อขับโซเดียม ทำให้ร่างกายบวมน้ำ รวมไปถึงบริเวณแก้ม
  10. ดื่มน้ำให้เพียงพอ: น้ำเป็นส่วนประกอบสำคัญของร่างกาย คนเราควรดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 8 – 10 แก้ว หรือ 1.5 – 2.7 ลิตรต่อวัน เพราะหากร่างกายขาดน้ำ ร่างกายจะสะสมน้ำสำรองไว้บริเวณแก้มและรอบดวงตา ส่งผลให้เกิดอาการบวมน้ำและแก้มดูใหญ่ขึ้น
  11. การดื่มน้ำอุ่นและการรับประทานอาหารที่อุ่น: การทานอาหารและดื่มน้ำเย็นเป็นประจำ ส่งผลต่อระบบการไหลเวียนเลือด ทำให้เกิดอาการบวม
  12. หลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์: เครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ เช่น เหล้า เบียร์ หรือไวน์ ทำให้เลือดมีความเข้มข้นสูง ร่างกายต้องดึงน้ำจากส่วนอื่นมาเจือจางแอลกอฮอล์ในเลือด ปรับสมดุล และป้องกันภาวะขาดน้ำ ร่างกายจึงกักเก็บน้ำ เกิดอาการบวม โดยเฉพาะใบหน้าและแก้ม ส่งผลให้ใบหน้าดูบวม
  13. หลีกเลี่ยงความเครียด: ความเครียดกระตุ้นให้ร่างกายหลั่งฮอร์โมน “คอร์ติซอล” ส่งผลต่อการสะสมไขมันบริเวณใบหน้า

10 วิธีลดเหนียงแบบเร่งด่วน 1 สัปดาห์

การลดเหนียงแบบเร่งด่วน ภายใน 1 สัปดาห์ เหมาะสำหรับบุคคลที่ต้องการเห็นผลอย่างรวดเร็ว และเห็นผลเเบบทันที โดยมีวิธีการลดเหนียงอย่างเร่งด่วน มีดังนี้

เมโสแฟตเหนียง วิธีลดเหนียง

การฉีดเมโสแฟตลดแก้ม วิธีการนี้เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาแก้มเยอะ โดยแพทย์จะทำการฉีดตัวยาเข้าบริเวณแก้มเพื่อสลายไขมันใต้ผิวหนัง ทำให้ไขมันบริเวณนั้นแตกตัวและมีขนาดเล็กลง ไขมันจะถูกขับออกจากร่างกาย ส่งผลให้ไขมันบริเวณแก้มลดลง หลังฉีดอาจมีอาการบวมจากยาเล็กน้อย แต่จะยุบลงภายใน 3-4 ชั่วโมง และเห็นผลชัดเจนภายใน 3 สัปดาห์

Thermage FLX ลดเหนียง

Thermage FLX เหมาะสำหรับบุคคลที่มีใบหน้าอวบ บุคคลที่มีไขมันสะสมบริเวณแก้ม และบุคคลที่มีเหนียงใต้คาง วิธีการนี้ขะช่วยลดไขมัน ลดแก้ม ลดเหนียง ช่วยปรับรูปหน้าให้เรียวขึ้น และช่วยกระชับผิวหนังบนใบหน้า Thermage FLX จะกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ผิวหนัง ทำให้ผิวหนังมีความยืดหยุ่น แน่นกระชับ ใบหน้าดูอ่อนเยาว์ ริ้วรอยบนใบหน้าลดลง และรูขุมขนเล็กลง เพื่อผลลัพธ์ที่ยาวนาน ควรทำอย่างต่อเนื่องอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง

Hifu Ultraformer III ลดเหนียง

Hifu Ultraformer III หรือ High Intensity Focused Ultrasound เป็นเครื่องมือที่ใช้สำหรับการยกกระชับผิวหนังบริเวณใบหน้า เหนียง และคอ นอกจากนี้ยังช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ผิวหนัง และช่วยลดริ้วรอย โดยแพทย์จะใช้คลื่นอัลตราซาวด์ความเข้มข้นสูงยิงเข้าไปยังบริเวณใต้ผิวหนังเพื่อสร้างความร้อน ทำให้เนื้อเยื่อหดตัว และผิวหนังชั้นบนยกกระชับขึ้น โดยไม่ต้องผ่าตัด หลังจากทำ Hifu Ultraformer III จะช่วยลดปัญหาเหนียง และทำให้กรอบหน้าชัดขึ้น

https://chicagodermatology.com/wp-content/uploads/2022/09/coolsculpting-fda-1.jpg

Coolsculpting เหนียง

CoolSculpting เป็นเครื่องมือสลายไขมันด้วยความเย็น โดยเครื่องมือนี้สามารถส่งความเย็นเจาะลึกลงสู่ชั้นไขมันใต้ผิวหนัง ความเย็นที่ส่งลงไปจะเข้าไปทำให้เซลล์ไขมันแข็งตัวและตาย ไขมันจะถูกขับออกจากร่างกายผ่านระบบขับถ่าย เช่น เหงื่อหรือปัสสาวะ CoolSculpting ช่วยลดไขมันได้ถึง 25-30% ต่อการทำ 1 ครั้ง

Ulthera ลดเหนียง

Ulthera เป็นการรักษาที่แพทย์จะใช้พลังงานคลื่นเสียงความถี่สูง แปลงเป็นพลังงานความร้อน ยิงลงบริเวณเนื้อเยื่อชั้น SMAS พลังงานความร้อนจะทำให้เนื้อเยื่อหดตัว ส่งผลให้ผิวหนังกระชับ ใบหน้าเข้ารูป ดูเรียว กรอบหน้าชัดขึ้น และกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ผิวหนังอีกด้วย

การดูดไขมัน ลดแก้ม

การดูดไขมันเป็นวิธีปรับรูปหน้าให้เรียวขึ้นและกรอบหน้าชัดเจน โดยแพทย์จะเปิดแผลเล็กๆ บริเวณที่ต้องการดูดไขมัน เช่น ใบหน้า แก้ม เหนียง และกรอบหน้า จากนั้นสอดเข็มดูดไขมันออก วิธีนี้เห็นผลลัพธ์ได้ทันที แต่มีข้อเสียคือ อาจเกิดอาการฟกช้ำ บวม ผิวเป็นคลื่น ไม่เรียบเนียน และอาจมีรอยแผลเป็น

การผ่าตัดลดแก้ม

การผ่าตัดลดแก้ม เหมาะสำหรับบุคคลที่มีบริเวณกระพุ้งแก้มใหญ่ แก้มป่อง และแก้มเยอะ โดยแพทย์จะผ่าตัดเอาไขมันกระพุ้งแก้มออกเพื่อลดขนาดแก้ม แพทย์จะทำการผ่าเปิดแผลบริเวณด้านในช่องปาก เพื่อนำไขมันที่อยู่บริเวณชั้นลึกที่สุดใกล้กับกระพุ้งแก้มออกมา การผ่าตัดลดแก้มให้ผลลัพธ์ที่ถาวร

ร้อยไหมลดเหนียง ลดแก้ม

การร้อยไหมลดแก้ม เหมาะสำหรับบุคคลที่มีแก้มเยอะ และแก้มที่หย่อนคล้อย วิธีการนี้ไม่ได้ช่วยให้แก้มหายไปโดยตรง แต่ช่วยยกกระชับผิวหนัง ทำให้แก้มที่หย่อนคล้อยตึงขึ้น ใบหน้าดูเรียวขึ้น และกรอบหน้าชัดขึ้น โดยไม่ต้องผ่าตัด

ฉีดฟิลเลอร์ลดเหนียง

การฉีดฟิลเลอร์ลดเหนียง แพทย์จะฉีดบริเวณคางคล้ายๆ กับการทำฟิลเลอร์หน้าเรียว โดยจะเน้นไปที่บริเวณคาง เพื่อเติมเต็มร่องลึกใต้คาง ช่วยให้กรอบหน้าชัดขึ้น รวมถึงปรับรูปทรงคางให้แหลมเรียวขึ้น ช่วยให้ใบหน้าดูยาวขึ้นและสมส่วนมากขึ้น นอกจากนี้ แพทย์อาจพิจารณาฉีดฟิลเลอร์บริเวณอื่นๆ เพิ่มเติม เช่น แก้มหรือใต้โหนกแก้ม ร่วมด้วย เพื่อปรับรูปหน้าให้เรียว ดูสมส่วน พร้อมลดเหนียงและปรับแต่งรูปหน้าให้ได้โหงวเฮ้งใบหน้าที่เหมาะสมแถมมาด้วย

ฉีดโบท็อกลดเหนียง

การฉีดโบท็อกลดเหนียง หรือที่เรียกว่า Nefertiti Lift เป็นเทคนิคการฉีดสารโบทูลินั่ม ท็อกซิน (Botox) เข้าไปบริเวณกล้ามเนื้อ Platysma ใต้คาง ซึ่งเป็นกล้ามเนื้อที่ดึงรั้งผิวหนังลงมาทำให้เกิดเหนียง โดยแพทย์จะกำหนดจุดฉีด โดยทั่วไป 3-5 จุด บริเวณใต้คาง ซึ่งสารโบทูลินั่ม ท็อกซิน จะออกฤทธิ์ยับยั้งการทำงานของกล้ามเนื้อ ทำให้กล้ามเนื้ออ่อนแรงลง ส่งผลให้ผิวหนังบริเวณใต้คางไม่ถูกดึงรั้งลงมา เหนียงจึงดูลดลง กรอบหน้าชัดขึ้นนั้นเอง

วิธีลดเหนียง ลดแก้ม แบบธรรมชาติ VS แบบเร่งด่วน

วิธีการลดแก้ม ลดเหนียง แบบธรรมชาติ อาทิเช่นการออกกำลังกาย การจัดฟัน การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ หรือหลีกเลี่ยงการทานอาหารที่มีรสชาติจัด เป็นต้น วิธีการเหล่านี้ถือว่าเป็นวิธีที่มีความปลอดภัย ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย และสามารถทำเองที่บ้านได้ แต่อาจจะต้องใช้เวลา ใช้ความอดทน และต้องมีวินัย ทำให้หลายคนใช้วิธีนี้ไม่สำเร็จ เนื่องจากแก้มและเหนียง เป็นจุดที่มีไขมันสะสมที่ลดยาก แม้จะออกกำลังกาย หรือควบคุมอาหาร ก็ยังลดไม่ค่อยลง ส่วนวิธีการลดแก้ม ลดเหนียง อย่างเร่งด่วน ก็เป็นการรักษาที่มีความปลอดภัยเหมือนกัน สามารถเห็นได้แบบทันทีหลังจากการทำ และเป็นการรักษาได้อย่างตรงจุด ซึ่งการรักษามีหลากหลายวิธี เช่น ร้อยไหมลดเหนียง ฉีดฟิลเลอร์หน้าเรียวเพื่อลดเหนียง และฉีดโบท็อกลดเหนียง เป็นต้น