ขอบตาดำคล้ำ เกิดจากอะไร? แก้ไขอย่างไร? ในปี 2024

ขอบตาดำคล้ำ ปัญหาที่กวนใจของใครหลายคน ขอบตาคล้ำจากกรรมพันธุ์ ที่ได้รับการถ่ายทอดมาจากครอบครัว อายุที่เพิ่มมากขึ้น ทำให้ระบบต่าง ๆ ในร่างกายที่ทำงานผิดปกติ หรือพฤติกรรมการใช้ชีวิตในแต่ละวัน ยังรวมไปถึงอาการเจ็บป่วยจากโรคต่างๆ ซึ่งวิธีการรักษาขอบตาคล้ำ มีทั้งแบบธรรมชาติ ที่เราสามารถดูแล และแก้ไขได้ด้วยตนเอง หรือจะเป็นแบบเร่งด่วน อย่างการฉีดฟิลเลอร์ เลเซอร์ และฉีดเมโส ซึ่งก็จะช่วยประหยัดเวลา และแก้ไขได้ตรงจุด

ขอบตาดำคล้ำ

ขอบตาดำคล้ำ เกิดจากอะไร ?

ขอบตาดำคล้ำ เป็นสภาวะที่ผิวหนังบริเวณใต้ตาเกิดรอยดำคล้ำ และมีร่องลึก เนื่องจากเมื่อคนเรามีอายุที่มากขึ้น กล้ามเนื้อ ไขมัน คอลลาเจนใต้ผิวหนังมีการสะสมน้อยลง ทำให้หนังตาเริ่มมีความหย่อนคล้อย ผิวหนังเริ่มบางลง ทำให้ผิวหนังรอบดวงตาอยู่ชิดติดกับกล้ามเนื้อรอบดวงตามากจนเกินไป จึงทำให้เห็นขอบตาดำคล้ำมากขึ้น รวมถึงระบบไหลเวียนเลือดทำงานได้น้อยลง ซึ่งส่งผลให้ผิวหน้ามีความหมองคล้ำ และไม่กระจ่างใส โดยสาเหตุการเกิดขอบตาคล้ำ แบ่งออกเป็นหลายลักษณะ ดังนี้

  1. กรรมพันธุ์  ขอบตาดำคล้ำอาจจะเกิดจากการถ่ายทอดทางพันธุกรรม  หรือโครงหน้าที่มีลักษณะเบ้าตาลึก จึงมีโอกาสที่จะมีขอบตาดำคล้ำมากกว่าคนปกติ
  2. ขอบตาดำจากโรคภูมิแพ้ แบ่งออกเป็น 2 แบบ
    – ภูมิแพ้จมูกอักเสบ เยื่อบุจมูกมักจะบวม ทำให้เลือดดำไหลผ่านได้ยาก  จึงคั่งอยู่ที่บริเวณใต้ตาล่าง ทำให้ผิวบริเวณใต้ตาล่างดำ
    – ภูมิแพ้ตา การขยี้ตาแรง ๆ ส่งผลให้ผิวหนังรอบดวงตาดำคล้ำ หรือมีรอยเหี่ยวย่นเกิดขึ้น
  3. อายุ เมื่อคนเราอายุที่มากขึ้น ผิวหนังจะมีความบางลง คอลลาเจนถูกสร้างลดลง และกระดูกเบ้าตายุบตัว รวมไปถึงเอ็นยึดใต้ตาหย่อนตัวลง
  4. การสูบหรี่และการดื่มแอลกฮอล์ จะทำให้เส้นเลือดขยายตัว จนเห็นเป็นรอยคล้ำใต้ตา
  5. การตั้งครรภ์ ทำให้ฮอร์โมนในร่างกายมีการเปลี่ยนแปลง อาจส่งผลถึงการขยายตัวของเส้นเลือดใต้ผิวให้เห็นชัดขึ้น บริเวณใต้ตาที่มีผิวบางก็จะเห็นเป็นรอยคล้ำใต้ตา
  6. พักผ่อนไม่เพียงพอ ทำให้เส้นเลือดรอบดวงตาไหลเวียนไม่สะดวก และทำให้เส้นเลือดดำขยายตัว จนเห็นเป็นรอยคล้ำใต้ตา
  7. ความเครียด ส่งผลให้ร่างกายผลิตฮอร์โมน ที่จะกระตุ้นการสร้างเม็ดสีเมลานินเพิ่มขึ้น มีสาเหตุที่ทำให้เวลาเครียด ผิวจะคล้ำเสีย รวมถึงขอบตาดำมากขึ้น
  8. ขาดน้ำ ร่างกายได้รับน้ำไม่เพียงพอ ทำให้ผิวแห้ง เซลล์ผิวฟื้นฟูได้ไม่เต็มที่ ผิวไม่กระจ่างใส โดยเฉพาะบริเวณที่ผิวบาง อย่างใต้ตา ขอบตา ก็ทำให้เห็นรอยคล้ำได้ง่าย

ลักษณะขอบตาดำคล้ำ สังเกตุยังไง

ขอบตาดำคล้ำ มักจะสังเกตได้จากรอยคล้ำใต้ดวงตาที่เห็นได้ชัดเจนกว่าสีผิวบริเวณรอบ ๆ อาจมีสีตั้งแต่ม่วงเข้ม น้ำตาล จนถึงดำ สีของรอยคล้ำและขนาดอาจแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล ผิวใต้ตาจะดูหมองคล้ำและอาจมีรอยเหี่ยวย่นเล็กน้อย ทำให้ใบหน้าดูอ่อนล้าและดูไม่สดใส

สังเกตง่ายๆ คือ เมื่อมองกระจกแล้วเห็นรอยคล้ำใต้ตาชัดเจน หรือเปรียบเทียบกับภาพถ่ายเก่าๆ จะเห็นความแตกต่างของสีผิวบริเวณใต้ตาได้ชัดเจนขึ้นค่ะ

13 วิธี แก้ขอบตาดำคล้ำด้วยตัวเอง

ปัญหาเรื่องขอบตาดำคล้ำ มักเป็นปัญหาที่คนทุกเพศ ทุกวัยมักต้องพบเจอ อาจมีสาเหตุมาจากพฤติกรรมในการใช้ชีวิต หรือจากทางพันธุกรรม ทำให้ส่งผลเสียทางด้านภาพลักษณ์ ซึ่งวิธีแก้ขอบตาดำคล้ำด้วยตัวเอง เป็นวิธีทางธรรมชาติที่คนนำมาใช้ เพราะอุปกรณ์ที่ใช้หาได้ง่าย และโดยส่วนใหญ่มักแก้ไขขอบตาดำคล้ำด้วยวิธีธรรมาชาติดังนี้

ถุงชา

ใบชาจะมีสารต่อต้านอนุมูลอิสระ และมีสารเทนนินที่จะช่วยเรื่องชะลอริ้วรอย โดยวิธีการใช้ จะนำถุงชาที่ใช้ชงแล้ว และยังอุ่นอยู่ มาบีบให้หมาดเล็กน้อย นำมาประคบบริเวณที่ดวงตา ประมาณ 10 นาที จากนั้นก็ล้างน้ำ ความอุ่นของถุงชา จะช่วยให้เลือดไหลเวียน ทำให้รอยดำคล้ำใต้ตาจางลง

ใบบัวบก

ใบบัวบกจะช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน และอิลาตินในผิว ทำให้ริ้วรอยบริเวณใต้ดวงตาลดลง โดยวิธีการใช้ นำใบบัวบกสดล้างน้ำให้สะอาดแล้วนำมาปั่น กรอกเอาแต่น้ำ จากนั้นนำสำลีมาจุ่มน้ำใบบัวบก นำมาวางไว้ที่ดวงตาร ทิ้งไว้ 15 นาที ค่อยล้างน้ำ

มะขามเปียก+นม+น้ำผึ้ง

มะขามมีกรด AHA และนมมีกรดแลคติก ซึ่งกรดทั้งสองตัว จะช่วยในเรื่องการผลัดเซลล์ผิว ทำให้ผิวมีความกระจ่างใส โดยวิธีการใช้ นำมะขาม 1 กำมือ เอาเฉพาะเนื้อมาล้างให้สะอาด ผสมกับนมสด 2 ช้อนโต๊ะ ขยำให้เข้าากัน แล้วกรองด้วยผ้าขาว เพื่อแยกกาก จากนั้นใส่น้ำผึ้ง 1 ช้อนโต๊ะ แล้วผสมให้เป็นเนื้อเดียวกัน จากนั้นก็นำมาพอกให้ทั่วใบหน้า ทิ้งไว้ประมาณ 15 นาที จากนั้นก็ล้างน้ำ

แอปเปิ้ล

แอปเปิ้ลมีกรด AHA จะช่วยในเรื่องการผลัดเซลล์ผิว ทำให้ผิวมีความกระจ่างใส โดยวิธีการใช้ นำแอปเปิ้ลสด 2 ชิ้น มาวางบนเปลือกตา ทิ้งไว้ 15 นาที

มะเขือเทศ

เป็นผลไม้ที่มีวิตามินซี ซึ่งสารชนิดนี้จะช่วยลดความหมองคล้ำได้อย่างดี และยังช่วยบำรุงผิวบริเวณรอบดวงตาให้สดใสยิ่งขึ้น โดยวิธีการใช้  นำมะเขือเทศมาล้างน้ำให้สะอาด แล้วนำมาหั่นเป็นแว่น  แล้วนำมาวางบนดวงตา ทิ้งไว้ประมาณ 15 – 20 นาที

ว่านหางจระเข้

มีสารต้านอนุมูลอิสระ วิตามินบี วิตามินซี และมีวิตามินอี ซึ่งจะช่วยลดความหมองคล้ำ และช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว โดยวิธีการใช้ นำว่านหางจระเข้มาล้างน้ำให้สะอาด แล้วนำมาปอกเปลือกออก จากนั้นขูดเอาแค่วุ้นมาใช้ นำไปประคบบนดวงตา ทิ้งไว้ประมาณ 15 – 20 นาที

งาขาว

งาขาวมีวิตามินอี  ที่ช่วยในการลดความหมองคล้ำของผิวรอบดวงตา

ไข่ต้ม

ความร้อนจากไข่ต้ม จะช่วยให้เลือดไหลเวียน ทำให้รอยดำคล้ำใต้ตาจางลง โดยวิธีการใช้ นำไข่ต้มสุกมาปอกเปลือกออก ขณะที่ไข่ยังร้อนอยู่ แล้วห่อด้วยผ้าสะอาด จากนั้นให้นำไข่ไปนวดบริเวณรอบดวงตาเบา ๆ

นมสดแช่เย็น

นมสดมีกรดแลคติก ที่จะช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น และผลัดเซลล์ผิว ทำให้ผิวมีความกระจ่างใส โดยวิธีการใช้ นำสำลีก้อนมาจุ่มกับนมสดแช่เย็น จากนั้นก็นำมาวางรอบดวงตา ทิ้งไว้ 10 นาที แล้วล้างน้ำ

โยเกิร์ต

โยเกิร์ตช่วยปรับปรุงสภาพของผิว และช่วยลดรอยดำคล้ำใต้ตา โดยวิธีการใช้ นำสำลีไปแช่ไว้ในโยเกิร์ต จากนั้นนำมาทารอบดวงตา ทิ้งไว้ 10 นาที ค่อยล้างน้ำ

เกลือ

มีความชื้นสูง จึงทำให้ช่วยลดอาการบวม หรืออักเสบ รวมไปถึงยังช่วยฟื้นฟูของระบบไหลเวียนของเส้นเลือดฝอยรอบดวงตา โดยวิธีการใช้ ใช้เกลือครึ่งช้อนโต๊ะ นำมาละลายกับน้ำอุ่น จากนั้นใช้สำลีแผ่นมาจุ่มกับน้ำเกลือ และนำไปวางบนดวงตา ทิ้งไว้ประมาณ 5 นาที

น้ำแข็ง

ความเย็นจากน้ำเเข็งจะช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น และลดความคล้ำของผิวรอบดวงตา โดยวิธีการใช้ ใช้ผ้าสะอาดห่อน้ำเเข็ง แล้วนำมาวางบนเปลือกตาทั้งสองข้าง ทิ้งไว้ 15 นาที

ช้อนแช่เย็น

ความเย็นจากช้อนเเช่เย็นจะช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น และลดความคล้ำของผิวรอบดวงตา โดยวิธีการใช้ นำช้อนสแตนเลสไปแช่ช่องฟรีซ ให้ช้อนเกิดความเย็น แล้วค่อยนำมานวดวนรอบดวงตา

3 เทคนิคทําให้ขอบตาหายดําคล้ำ แบบเร่งด่วน

ปัญหาเรื่องขอบตาดำคล้ำ เป็นปัญหาที่ต้องได้รับการรักษาอย่างเร่งด่วน ดังนั้นการรักษาขอบตาดำคล้ำด้วยวิธีทางการแพทย์ จึงเป็นวิธีที่นิยม โดยวิธีการรักษาแบบเร่งด่วน จะเห็นผลลัพธ์ได้รวดเร็ว และได้ผลชัดเจน

ฉีดเมโส ลดขอบตาดำ

เป็นการทำทรีตเม้นท์แบบหนึ่ง โดยจะเป็นการนำตัวยาที่มีส่วนผสมของสารบำรุงผิว และวิตามินต่างๆ ฉีดเข้าสู่ชั้นผิวเพื่อแก้ปัญหาโดยตรง ซึ่งการฉีดเมโสต้องใช้ระยะเวลา ทำติดต่อกันอย่างน้อยเดือนละ 1 ครั้ง ติดต่อกัน 3 เดือน ถึงจะเห็นผล

เลเซอร์

เป็นการรักษาด้วยใช้วิธีการปล่อยคลื่นแสงความเข้ม และหนาเเน่นสูง ช่วยทำลายเม็ดสีในผิวชั้นตื้น และชั้นลึก โดยเลเซอร์ที่ใช้ในการรักษาใต้ตาดำคล้ำมีด้วยกันหลายตัว เช่น IPL , Q-switch laser ซึ่งหลังจากยิงเเลเซอร์ ต้องใช้ระยะเวลาในการพักฟื้น อย่างน้อย 3 – 6 เดือน

ฟิลเลอร์

เป็นการฉีดสารเติมเต็ม โดยฟิลเลอร์ใต้ตาจะเข้าไปช่วยปกปิดความคล้ำ และขอบตาดำ ซึ่งวิธีการรักษานี้ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก เนื่องจากการฉีดฟิลเลอร์จะเห็นผลได้ทันที และเป็นการรักษาที่ตรงจุด ไม่ต้องพักฟื้น ไม่มีอาการบวม ยังรวมไปถึงช่วยเติมเต็มร่องลึก และริ้วรอยใต้ตา

สรุป

ขอบตาคล้ำเป็นเรื่องที่สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกเพศและทุกวัย โดยมีสาเหตุหลัก ๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของกรรมพันธุ์หรือพฤติกรรมก็ตาม โดยหนังตาจะเริ่มมีความหย่อนคล้อย ผิวหนังเริ่มบางลง ทำให้สามารถเห็นภาวะไหลเวียนของเลือด ที่บริเวณเบ้าตาได้ง่ายขึ้น จึงทำให้เห็นขอบตาดำคล้ำ โดยวิธีแก้ไขมีทั้งแบบธรรมชาติและแบบพบแพทย์ สำหรับใครที่ต้องการรักษาแบบเร่งด่วน จะเห็นผลลัพธ์ได้รวดเร็วก็จะนิยมพบแพทย์ ซึ่งบริเวณใต้ตาเป็นจุดที่สำคัญมาก มีเส้นเลือดอยู่เยอะ เพราะฉะนั้นแล้วควรปรึกษาแพทย์ที่มีความชำนาญและมีประสบการณ์ในการแก้ไขปัญหาขอบตาคล้ำ จึงจะมั่นใจได้ว่าปลอดภัย 100%

หากมีข้อสงสัยเพิ่มเติม หมอส้ม หมอเกรซ และทีมแพทย์ Mudan Pavilion ยินดีให้คำปรึกษาฟรี โดยไม่มีค่าใช้จ่าย Inbox Facebook หรือ Add Line นี้ได้เลย คุณหมอตอบเองทุกเคส

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง

รวมวิธีลดริ้วรอยบนใบหน้า ให้แลดูอ่อนวัย พร้อมสาเหตุและวิธีป้องกัน

Post Views: 6 ริ้วรอยบนใบหน้าเป็นหนึ่งในสัญญาณของการมีอ … Read more…

ฟิลเลอร์ถูก ฟิลเลอร์แพง ต่างกันยังไง? พร้อมวิธีเลือกฉีดฟิลเลอร์ที่เหมาะสม

การฉีดฟิลเลอร์เป็นทางเลือกยอดนิยมสำหรับการปรับรูปหน้าและเติมเต็มผิว แต่หลายคนอาจสงสัยว่า ฟิลเลอร์ถูก…