Sculptra และ Profhilo เป็นนวัตกรรมการฉีดผิวที่หลายคนให้ความสนใจ โดยเฉพาะคนที่อยากฟื้นฟูผิวให้ดูอิ่มฟู ใส เด้ง แบบไม่ต้องผ่าตัด โดยทั้งสองตัวนี้ช่วยกระตุ้นคอลลาเจนใต้ผิว แต่มีจุดเด่นต่างกันไป เหมาะกับปัญหาผิวคนละแบบ สำหรับใครที่ยังลังเลว่าจะเลือกฉีดตัวไหนดี บทความนี้จะมาเปรียบเทียบให้เห็นชัด ๆ ว่า Sculptra vs Profhilo ต่างกันยังไง เหมาะกับใคร และช่วยเรื่องผิวแบบไหนได้ดีที่สุด เพื่อให้ตัดสินใจได้ง่ายขึ้นก่อนเข้าคลินิก
Sculptra vs Profhilo
- Sculptra คืออะไร ?
- Profhilo คืออะไร ?
- Sculptra & Profhilo ช่วยเรื่องอะไร
- จุดที่เหมือนกันระหว่าง Sculptra กับ Profhilo
- ความแตกต่างระหว่าง Sculptra กับ Profhilo
- Sculptra กับ Profhilo ฉีดร่วมกันได้ไหม
- ผลข้างเคียงระหว่าง Sculptra กับ Profhilo
- สรุป Sculptra VS Profhilo
Sculptra คืออะไร ?

Sculptra คือ ยี่ห้อของสารกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนประเภทหนึ่ง ที่ถูกทำออกมาในรูปแบบของยาฉีด โดย Sculptra ผลิตมาจากโพลีแอลแลคติค เอซิด (Poly-L-Lactic Acid: PLLA) ที่มีคุณสมบัติช่วยกระตุ้นให้ร่างกายเกิดการสร้างคอลลาเจนใต้ผิวหนัง เพื่อเป็นการทดแทนคอลลาเจนที่มีการสูญเสียไปเมื่อคนเรามีอายุที่เพิ่มมากขึ้น การฉีดสารประเภทนี้จะช่วยให้ผิวหนังเกิดความกระชับ มีความเรียบเนียน มีความเต่งตึง ดูอิ่มฟู และมีความยืดหยุ่น รวมไปถึงการช่วยฟื้นฟูผิวหนังให้เกิดความแข็งแรง และทำให้ใบหน้าดูอ่อนเยาว์
Profhilo คืออะไร ?

Profhilo คือ สารที่มีคุณสมบัติในการปรับปรุงคุณภาพของผิว จากประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งมีส่วนประกอบหลักอย่าง กรดไฮยาลูรอนิกชนิดเนื้อเบาที่เป็นแบบ Non-crosslinked Hyaluronic acid มีความบริสุทธิ์เข้มข้นถึง 64 mg ผลิตด้วยเทคโนโลยี NAHYCO Hybrid Technology ที่เป็นการควบคุมอุณหภูมิ เพื่อให้ HA มีโมเลกุลขนาดเล็ก และใหญ่ผสานเข้าด้วยกันในรูปแบบของ Hybrid Cooperative Complex (HCC) ทำให้สารมีความเสถียร สามารถกระจายตัวได้ดี เกิดการสลายตัวช้า และยังช่วยกระตุ้นให้เกิดการสร้างคอลลาเจน ทำให้ผิวดูอิ่มฟู มีความกระชับขึ้น ผิวดูชุ่มชื้น และผิวดูสุขภาพดีขึ้นในระยะยาว นอกจากนี้ยังช่วยลดเลือนริ้วรอยเล็ก ๆ และหลุมสิว
Sculptra & Profhilo ช่วยเรื่องอะไร
อย่างที่ทราบ Sculptra เป็นสารกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนชนิดหนึ่ง ที่ผลิตมาจากโพลีแอลแลคติค เอซิด (Poly-L-Lactic Acid: PLLA) ที่มีคุณสมบัติช่วยกระตุ้นให้ร่างกายเกิดการสร้างคอลลาเจนใต้ผิวหนัง เพื่อเป็นการทดแทนคอลลาเจนที่มีการสูญเสียไปเมื่ออายุเพิ่มมากขึ้น โดย Sculptra จะช่วยฟื้นฟูปริมาตรของใบหน้าที่มีขนาดลดลงจากอายุที่เพิ่มมากขึ้น เช่น บริเวณแก้ม ขมับ และใต้ตา รวมถึงช่วยเติมเต็มบริเวณที่แบนราบ ทำให้ใบหน้าดูอ่อนเยาว์ และเกิดความสมดุลของใบหน้า นอกจากนี้ยังช่วยกระตุ้นให้ร่างกายสร้างคอลลาเจนใต้ชั้นผิวขึ้นมาใหม่ ทำให้ผิวหนังมีความเต่งตึง ยืดหยุ่น และมีความแข็งแรงมากขึ้น ช่วยแก้ไขเรื่องริ้วรอยและร่องลึก เช่น บริเวณร่องแก้ม ร่องน้ำหมาก หรือริ้วรอยรอบปาก ทำให้ผิวเรียบเนียน ช่วยยกกระชับผิวที่เกิดการหย่อนคล้อย ช่วยแก้ปัญหาผิวหมองคล้ำ ผิวหน้าอ่อนล้า และขาดความชุ่มชื้น ทำให้ใบหน้าดูชุ่มชื้น เปล่งปลั่ง และกระจ่างใสขึ้น สุดท้ายหลังจากการฉีด Sculptra จะช่วยกระตุ้นให้เกิดการสร้างเซลล์ผิวขึ้นใหม่ ทำให้โครงสร้างของผิวแข็งแรงจากภายใน
ส่วน Profhilo เป็นสารที่มีคุณสมบัติในการปรับปรุงคุณภาพของผิว ที่มีส่วนประกอบหลักอย่างกรดไฮยาลูรอนิกชนิดเนื้อเบา มีความบริสุทธิ์เข้มข้นถึง 64 mg ถูกผลิตด้วยเทคโนโลยี NAHYCO Hybrid Technology ที่มีการควบคุมอุณหภูมิ ทำให้ HA ที่มีโมเลกุลขนาดเล็ก และใหญ่ผสานเข้าด้วยกันในรูปแบบของ Hybrid Cooperative Complex ทำให้สารมีความเสถียร สามารถกระจายตัวได้ดี และสลายตัวได้ช้า โดย Profhilo จะช่วยกระตุ้น skin remodeling ทำให้ริ้วรอย และจุดด่างดำลดน้อยลง ช่วยเสริมสร้างความยืดหยุ่น และความกระชับให้กับผิวหนัง ช่วยฟื้นฟูรอยแผลที่เกิดจากสิว หรือเกิดจากการบาดเจ็บ ทำให้ผิวดูอ่อนเยาว์ และผิวดูสุขภาพดี นอกจากนี้ยังช่วยกระตุ้นให้เกิดการสร้างคอลลาเจน ช่วยปรับสมดุลให้กับทุกชั้นผิวตั้งแต่ผิวชั้นตื้นจนถึงผิวชั้นลึก ช่วยปรับโครงสร้างของ extracellular matrix ทำให้เซลล์ดี และทำให้เกิดการสร้างคอลลาเจนชนิดที่ 1, 3, 4 ช่วยให้การทำงานของระบบประสาท และเส้นเลือดฝอย ทำให้ผิวหนังมีความแข็งแรง แผลสมานได้ดี ป้องกันไม่ให้ผิวเกิดความเปราะบาง และกระตุ้นสารอีลาสตินใต้ผิวหนังให้มากขึ้น
จุดที่เหมือนกันระหว่าง Sculptra กับ Profhilo
Sculptra กับ Profhilo เป็นสารที่ฉีดเพื่อช่วยฟื้นฟูสภาพผิว และช่วยลดเลือนริ้วรอย ที่มีสาเหตุมาจากอายุที่เพิ่มมากขึ้น นอกจากนี้ทั้งสองยังช่วยกระตุ้นให้เกิดการสร้างคอลลาเจน และให้ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติ รวมถึงผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นรอยแดง อาการบวม หรือรอยช้ำตรงบริเวณที่ทำการฉีด ซึ่งมักจะหายเอง สุดท้ายทั้งคู่ยังเป็นหัตถการที่สามารถใช้ร่วมกันได้ โดย Sculptra จะช่วยเพิ่มปริมาตร และกระตุ้นให้เกิดการสร้างคอลลาเจนใต้ผิวหนัง ส่วน Profhilo จะช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว และช่วยปรับปรุงสภาพผิว
ความแตกต่างระหว่าง Sculptra กับ Profhilo

ถึงแม้ Sculptra กับ Profhilo จะมีจุดที่เหมือนกัน แต่ทั้งคู่ก็ยังมีข้อที่แตกต่างกัน อย่าง Profhilo มีส่วนประกอบสำคัญ คือไฮยาลูรอนิก แอซิด ที่มีโมเลกุลพิเศษ ที่ช่วยในการกระตุ้นให้เกิดการสร้างคอลลาเจน และอีลาสตินในทุกชั้นผิว ซึ่งมุ่งเน้นในการปรับโครงสร้าง และคุณภาพของผิว ส่วน Sculptra ผลิตมาจากโพลีแอลแลคติค เอซิด (Poly-L-Lactic Acid: PLLA) ที่จะกระตุ้นในเกิดการสร้างคอลลาเจนในผิวชั้นลึก ที่จะมุ่งเน้นในการเติมเต็ม และการยกกระชับ
Sculptra | Profhilo | |
ส่วนประกอบสำคัญ | Poly-L-lactic Acid (PLLA) | กรดไฮยาลูรอนิกชนิดเนื้อเบาที่เป็นแบบ Non-crosslinked Hyaluronic acid มีความบริสุทธิ์เข้มข้นถึง 64 mg |
กลไกการทำงาน | กระตุ้นให้เกิดการสร้างคอลลาเจนในผิวชั้นลึก | กระตุ้นให้เกิดการสร้างคอลลาเจน และอีลาสตินในทุกชั้นผิว |
ผลลัพธ์ที่ได้ | ช่วยยกกระชับผิว ช่วยให้ผิวหนังมีความเรียบเนียน เต่งตึง ผิวหนังมีความอิ่มฟู และช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นให้กับผิว รวมถึงช่วยฟื้นฟูผิวให้มีความแข็งแรง | ช่วยปรับโครงสร้างของผิว ช่วยฟื้นฟูสุขภาพผิวในระยะยาว ช่วยยกกระชับผิว ทำให้ผิวดูชุ่มชื้น และช่วยลดเลือนริ้วรอย หลุมสิว |
เหมาะสำหรับใคร | บุคคลที่มีปัญหาผิวที่หย่อนคล้อย มีริ้วรอยร่องลึก หรือบุคคลที่ต้องการเพิ่มปริมาตรให้กับใบหน้า รวมถึงบุคคลที่ต้องการผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติ | บุคคลที่ต้องการฟื้นฟูคุณภาพของผิว ต้องการเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว หรือบุคคลต้องการลดริ้วรอย |
จำนวนครั้งสำหรับการฉีด | อย่างน้อย 3 ครั้ง โดยเว้นระยะห่างครั้งละ 1 เดือน | อย่างน้อย 2 ครั้ง โดยเว้นระยะห่างครั้งละ 1 เดือน |
การคงอยู่ของผลลัพธ์ | 18 – 24 เดือน | 6 – 12 เดือน |
ผลข้างเคียง | อาจเกิดรอยแดง รอยช้ำ | อาจเกิดอาการบวมช้ำ อาการระคายเคืองจากเข็ม อาการตึง หรืออาการนูนเป็นตุ่มเพียงเล็กน้อย |
Sculptra กับ Profhilo ฉีดร่วมกันได้ไหม
Sculptra กับ Profhilo สามารถฉีดร่วมกันได้ เนื่องจากทั้งคู่มีการทำงานที่แตกต่างกัน และเมื่อทำการฉีดร่วมกันจะให้ผลลัพธ์ที่ครอบคลุม โดย Sculptra จะช่วยกระตุ้นให้เกิดการสร้างคอลลาเจน เพิ่มปริมาตรให้กับใบหน้า และช่วยยกกระชับผิว ส่วน Profhilo จะทำหน้าที่ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น ช่วยปรับปรุงสภาพผิว และช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นให้กับผิว ซึ่งหากทั้งผู้ทำการฉีดร่วมกับคอยมีการปรึกษาแพทย์ เพื่อความปลอดภัย และเพื่อประสิทธิภาพของผลลัพธ์
ผลข้างเคียงระหว่าง Sculptra กับ Profhilo
โดยปกติ Sculptra กับ Profhilo จะมีผลข้างเคียงที่คล้ายคลึงกัน ไม่ว่าจะเป็นรอยแดง อาการบวม รอยช้ำที่เกิดจากเข็ม อาการคัน และอาการปวด แต่ก็ยังมีผลข้างเคียงที่แตกต่างกันเช่น Sculptra หลังจากการฉีดอาจพบก้อนเล็ก ๆ บริเวณใต้ผิวหนัง ที่มีสาเหตุมาจากการกระจายตัวไม่สม่ำเสมอของสาร หรือการเกิดการตอบสนองต่อสาร PLLA ที่มากจนเกินไป โดยก้อนเหล่านี้จะหายไปเอง นอกจากนี้ผิวหนังอาจไม่เรียบเนียนในช่วงแรกหลังจากการฉีด และผิวอาจมีการเปลี่ยนสีตรงบริเวณที่ฉีด ส่วน Profhilo อาจเกิดตุ่มนูนขนาดเล็ก แต่จะยุบหายไปในไม่กี่ชั่วโมง
สรุป Sculptra VS Profhilo
แม้ว่า Profhilo จะโดดเด่นในเรื่องการเติมความชุ่มชื้นและฟื้นฟูคุณภาพผิวให้ดูสดใสเปล่งปลั่งในแบบฉบับ ที่เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการดูแลผิวตั้งแต่อายุยังน้อย หรือมีปัญหาผิวขาดน้ำและหมองคล้ำ แต่สำหรับผู้ที่มองหาการเปลี่ยนแปลงที่ลึกและยั่งยืนกว่านั้น Sculptra คือคำตอบนี้ ด้วยการเป็นสารกระตุ้นคอลลาเจน (PLLA) ซึ่งแตกต่างจากการเติมเต็มแบบฟิลเลอร์ทั่วไปโดย Sculptra จะทำงานเพื่อฟื้นฟูโครงสร้างภายในของผิว ช่วยแก้ไขปัญหาที่กังวลใจอย่างริ้วรอยลึก ผิวที่หย่อนคล้อย และใบหน้าที่ดูเหนื่อยล้าได้อย่างเป็นธรรมชาติ ดังนั้น หากคุณจำเป็นต้องทุนที่จะสร้างคอลลาเจนใหม่จากภายในสู่ภายนอกเพื่อผลลัพธ์ที่ ดูดี อย่างเป็นธรรมชาติและยั่งยืน Sculptra คือทางเลือกที่คุ้มค่า