ฟิลเลอร์ใต้ตาแบบเนื้อบางและเนื้อแข็ง เป็นเรื่องที่หลายคนอาจไม่ค่อยให้ความสำคัญ แต่จริง ๆ แล้วถือว่าเป็นรายละเอียดที่ควรรู้ก่อนตัดสินใจฉีด เพราะชนิดของฟิลเลอร์มีผลต่อผลลัพธ์และความเป็นธรรมชาติของใบหน้า การเลือกใช้ให้ถูกต้องจะช่วยลดความเสี่ยงและทำให้ผลลัพธ์ออกมาสวยกลมกลืนยิ่งขึ้น บทความนี้จะพาไปรู้จักความแตกต่างของฟิลเลอร์ใต้ตาแต่ละแบบ ว่าเหมาะกับใครและให้ผลลัพธ์ต่างกันอย่างไร ใช้เวลาอ่านไม่นานก็เข้าใจได้ครบ เหมาะสำหรับคนที่อยากเตรียมตัวให้พร้อมก่อนเข้าคลินิก
ฟิลเลอร์ใต้ตาแบบเนื้อบาง
ฟิลเลอร์ใต้ตาแบบเนื้อบาง หรือที่เรามักเรียกกันว่า ฟิลเลอร์เนื้อละเอียด (Soft Filler) เป็นฟิลเลอร์ที่เหมาะกับการแก้ไขปัญหาใต้ตาชั้นตื้น เนื่องจากฟิลเลอร์มีโมเลกุลขนาดเล็กมาก ทำให้ตัวฟิลเลอร์มีการกระจายตัวได้ดี และมีการกระจายตัวอย่างสม่ำเสมอ นอกจากนี้เนื้อฟิลเลอร์มีความยืดหยุ่นสูง จึงทำให้คืนตัวได้ดี และสามารถกลมกลืนเข้ากับผิวเมื่อมีการแสดงออกทางสีหน้า ทำให้ผลลัพธ์ดูเป็นธรรมชาติ ไม่แข็งเป็นก้อน และมีความหนืดต่ำ เนื้อจะมีความเหลว และนุ่มมากกว่าฟิลเลอร์ทั่วไป
ตัวอย่างฟิลเลอร์ใต้ตาแบบเนื้อบาง
- Restylane Vital Light เนื้อฟิลเลอร์จะมีโมเลกุลขนาดเล็กมาก จึงเหมาะสำหรับการเติมเต็มร่องใต้ตาที่ตื้นมาก และช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว
- Juvederm Volbella เนื้อฟิลเลอร์จะมีความยืดหยุ่นสูง และนุ่มจึงเหมาะสำหรับการเติมเต็มร่องใต้ตา และแก้ปัญหาริ้วรอยเล็กๆ
- Belotero Soft เนื้อฟิลเลอร์จะมีคุณสมบัติพิเศษที่สามารถกลมกลืนเข้ากับเนื้อเยื่อได้ดีที่สุด จึงเหมาะสำหรับการแก้ปัญหาใต้ตาที่มีความบอบบาง และต้องการความเรียบเนียน

ฟิลเลอร์ใต้ตาแบบเนื้อแข็ง
ฟิลเลอร์ใต้ตาแบบเนื้อแข็ง หรือที่บางครั้งเรียกว่า ฟิลเลอร์เนื้อแน่น เป็นฟิลเลอร์ที่เหมาะกับการแก้ไขปัญหาใต้ตาชั้นลึก เนื่องจากฟิลเลอร์มีโมเลกุลขนาดใหญ่ มีโครงสร้างที่ช่วยในการยึดเกาะกันอย่างแน่นหนา ทำให้มีความหนาแน่น นอกจากยังสามารถคงรูปได้ดี ทำให้ฟิลเลอร์อยู่กับที่ ไม่ไหล หรือเคลื่อนที่จากตำแหน่งที่ฉีด เหมาะกับการเติมเต็มและช่วยในการพยุง หรือยกผิวหนังที่เกิดความหย่อนคล้อย โดยจะเข้าไปแทนที่ไขมันที่เกิดการยุบตัว กระดูกที่กร่อนไปตามอายุ รวมถึงฟิลเลอร์เนื้อแข็งมักจะมีการสลายตัวได้ช้ากว่าฟิลเลอร์เนื้อนิ่ม ทำให้ผลลัพธ์อยู่ได้นานกว่า ซึ่งมีอายุอยู่ได้ประมาณ 1 – 2 ปี เลยทีเดียว
ตัวอย่างฟิลเลอร์ใต้ตาแบบเนื้อบาง
- Restylane (Restylane Perlane Lyft) เนื้อฟิลเลอร์มีความคงตัวสูงมาก ไม่ฟู และสามารถคงรูปได้ดีที่สุดในกลุ่มฟิลเลอร์ของ Restylane
- Juvederm (Juvederm Voluma) จุดเด่นคือเนื้อฟิลเลอร์แข็งที่ยังคงมีความยืดหยุ่นและอุ้มน้ำได้ดี
- Belotero (Belotero Volume) เป็นเนื้อฟิลเลอร์มีความยืดหยุ่นและคงตัวสูง เหมาะสำหรับฉีดเพื่อเพิ่มปริมาตรได้
ฟิลเลอร์ใต้ตาแบบเนื้อบาง และเนื้อแข็ง ช่วยเรื่องอะไร
อย่างที่ทราบฟิลเลอร์ใต้ตาแบบเนื้อบาง จะมีโมเลกุลขนาดเล็กมาก ทำให้สามารถกระจายตัวได้ดี และมีการกระจายตัวอย่างสม่ำเสมอ นอกจากนี้เนื้อฟิลเลอร์มีความเหลว ยืดหยุ่น สามารถคืนตัวได้ดี และสามารถกลมกลืนเข้ากับผิวเมื่อมีการแสดงออกทางสีหน้า ฟิลเลอร์ใต้ตาแบบเนื้อบางจึงเหมาะกับการแก้ปัญหาเกี่ยวกับรอยร่องลึกระดับเล็กน้อยถึงระดับปานกลาง ช่วยแก้ปัญหาใต้ตาหมองคล้ำที่มีสาเหตุจากเงาตกกระทบ และช่วยแก้ปัญหาริ้วรอยเล็ก ๆ บริเวณใต้ตา ส่งผลให้ผิวหนังบริเวณใต้ตามีความเรียบเนียน ใต้ตาดูสดใส และมีความสว่างขึ้น
ส่วนฟิลเลอร์ใต้ตาแบบเนื้อแข็ง จะมีโมเลกุลขนาดใหญ่ มีโครงสร้างที่ช่วยในการยึดเกาะ และสามารถคงรูปได้ดี นอกจากนี้มีคุณสมบัติในการพยุง หรือยกผิวหนังที่เกิดความหย่อนคล้อย ฟิลเลอร์ใต้ตาแบบเนื้อแข็งจึงเหมาะกับการแก้ปัญหากระดูกใต้ตายุบตัว โดยฟิลเลอร์จะช่วยเติมเต็มทำให้ร่องใต้ตาดูตื้นขึ้น และช่วยแก้ปัญหาเกี่ยวกับแก้มตอบ โหนกแก้มยุบ ซึ่งฟิลเลอร์เนื้อแข็งจะช่วยยก หรือพยุงผิวหนังทำให้ใบหน้าดูอ่อนกว่าวัย นอกจากนี้ยังช่วยลดเงาที่ทำให้ดูเหมือนร่องลึก รวมถึงแก้ปัญหาผิวหนังเกิดความหย่อนคล้อย ทำให้ผิวเกิดความกระชับ และสร้างความแน่นให้กับผิว

จุดที่เหมือนกันระหว่าง ฟิลเลอร์ใต้ตาแบบเนื้อบาง กับ เนื้อแข็ง
ฟิลเลอร์ใต้ตาแบบเนื้อบาง กับฟิลเลอร์ใต้ตาแบบเนื้อแข็ง มีความเหมือนกันหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นส่วนประกอบหลัก คือ ไฮยาลูรอนิกแอซิด (Hyaluronic Acid) ซึ่งเป็นสารที่สามารถพบได้ตามธรรมชาติภายในร่างกายมนุษย์ ทำให้มีความปลอดภัยสูง และมีโอกาสที่จะเกิดผลข้างเคียงน้อย นอกจากนี้ยังมีจุดประสงค์ในการฉีดเหมือนกัน คือ การแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับใต้ตา เช่นรอยร่องลึกใต้ตา ความหมองคล้ำใต้ตา และเงาใต้ตา เป็นต้น รวมถึงการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาต้องอาศัยเทคนิคในการฉีดที่ต้องมีความแม่นยำ และผู้ต้องทำการฉีดต้องมีความชำนาญ เนื่องจากบริเวณใต้ตาเป็นจุดที่มีเส้นเลือดจำนวนมาก หากมีการฉีดผิดจุดอาจทำให้เกิดผลข้างเคียง เช่น ฟิลเลอร์จับตัวเป็นก้อน เกิดอาการบวมช้ำ หรืออาจทำให้เส้นเลือดเกิดการอุดตัน สุดท้ายผลลัพธ์ที่ได้หลังจากฉีด จะทำให้ใบหน้ามีความสดใส ใบหน้าดูไม่โทรม และใบหน้าดูอ่อนกว่าวัย
ความแตกต่างระหว่าง ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาแบบเนื้อบาง กับ เนื้อแข็ง
คุณสมบัติ | ฟิลเลอร์ใต้ตาเนื้อบาง (Soft Filler) | ฟิลเลอร์ใต้ตาเนื้อแข็ง (Firm Filler) |
---|---|---|
ลักษณะของโมเลกุล | โมเลกุลเล็ก ละเอียด | โมเลกุลใหญ่ โครงสร้างแข็งแรง |
ความยืดหยุ่น | เนื้อฟิลเลอร์เหลว มีความยืดหยุ่นสูง | เนื้อฟิลเลอร์มีความคงตัวสูง ไม่ยืดหยุ่นมากนัก |
การกระจายตัว | กระจายตัวได้ดี สม่ำเสมอ กลืนไปกับผิวได้ง่าย | คงรูปได้ดี ไม่กระจายตัว |
คุณสมบัติ | เติมเต็มและปรับผิวให้เรียบเนียน | ยกกระชับและพยุงโครงสร้างที่ทรุดตัว |
เหมาะกับปัญหา | ร่องตื้น, ริ้วรอยเล็ก ๆ, ผิวใต้ตาไม่เรียบเนียน | เบ้าตาลึก, โครงสร้างกระดูกยุบตัว, ถุงใต้ตาที่หย่อนคล้อย |
ระยะเวลาคงผลลัพธ์ | ประมาณ 6 – 12 เดือน | ประมาณ 12 – 24 เดือน |
ฟิลเลอร์ใต้ตาแบบเนื้อบาง กับ เนื้อแข็ง อย่างไหนดีกว่ากัน
ไม่ว่าฟิลเลอร์ใต้ตาแบบเนื้อบาง หรือฟิลเลอร์ใต้ตาแบบเนื้อแข็ง ทั้งสองชนิดเป็นฟิลเลอร์ที่ดี และมีความปลอดภัยสูง หากมีการเลือกใช้แก้ปัญหาได้อย่างเหมาะสม เช่นหากต้องแก้ปัญหาเกี่ยวกับริ้วรอยเล็ก ๆ และตื้นบริเวณใต้ตา แก้ปัญหาเรื่องรอยคล้ำ และต้องการผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติ ควรเลือกฉีดฟิลเลอร์แบบเนื้อบาง แต่หากต้องการแก้ปัญหาร่องใต้ตาลึก ต้องการผลลัพธ์ที่ยาวนานขึ้น และต้องการให้ผิวเกิดความกระชับ ควรเลือกฉีดฟิลเลอร์แบบเนื้อแข็ง
ผลข้างเคียงระหว่าง 2 อย่างนี้
อย่างที่รู้กันไม่ว่าจะเลือกฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาแบบเนื้อบาง หรือเนื้อแข็ง อาจมีความเสี่ยง และอาจทำให้เกิดผลข้างเคียงได้ หากทำการฉีดกับแพทย์ที่ขาดประสบการณ์ด้านการฉีดใต้ตา การเลือกใช้ฟิลเลอร์ที่ไม่เหมาะสม และการฉีดผิดจุด โดยผลข้างเคียงที่อาจเกิดเหมือนกัน เช่น รอยแดง รอยช้ำ และอาการบวมจากเข็มหลังการฉีด นอกจากนี้อาจมีอาการคัน และเจ็บเล็กน้อยตรงบริเวณที่ฉีด รวมถึงหากทำการฉีดผิดจุด จะทำให้เส้นเลือดเกิดการอุดตัน หรือการจับตัวเป็นก้อนของฟิลเลอร์

สรุป
ไม่ว่าจะเป็นฟิลเลอร์ใต้ตาแบบเนื้อบางหรือเนื้อแข็ง ทั้งสองชนิดต่างก็มี Hyaluronic Acid เป็นส่วนประกอบหลัก ทำให้มีความปลอดภัยสูงและช่วยแก้ปัญหาใต้ตาให้ใบหน้าดูสดใสขึ้นเหมือนกัน ทั้งนี้ ฟิลเลอร์แต่ละชนิดเหมาะกับปัญหาที่แตกต่างกัน โดย ฟิลเลอร์เนื้อบาง เหมาะสำหรับแก้ไขปัญหาในชั้นตื้น เช่น ริ้วรอยเล็ก ๆ หรือความหมองคล้ำ ที่ต้องการผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติและเรียบเนียน ส่วน ฟิลเลอร์เนื้อแข็ง จะเหมาะกับการแก้ปัญหาที่ลึกกว่า เช่น ร่องใต้ตาลึกหรือเบ้าตาโหล ที่ต้องการการเติมเต็มและพยุงโครงสร้างที่ยุบตัวได้อย่างชัดเจนและคงทนกว่า ดังนั้น ไม่ว่าจะเป็นฟิลเลอร์ชนิดไหนก็ถือว่าดีและปลอดภัย หากเลือกใช้ได้อย่างเหมาะสมกับปัญหาของแต่ละบุคคล อย่างไรก็ตามสิ่งสำคัญคือการฉีดฟิลเลอร์ต้องอาศัย ความเชี่ยวชาญของแพทย์ เพื่อความแม่นยำและป้องกันผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นได้