หนังตาตกเป็นปัญหาที่หลายคนเจอ โดยเฉพาะเมื่ออายุมากขึ้นหรือใช้สายตาเยอะ ๆ จนทำให้ผิวรอบดวงตาอ่อนแรง ส่งผลให้ดวงตาดูอ่อนล้า ไม่สดใส และอาจทำให้หน้าดูแก่กว่าวัย หลายคนคิดว่าต้องผ่าตัดเท่านั้นถึงจะแก้ได้ แต่จริง ๆ แล้วปัจจุบันมีหลายวิธีที่ช่วยแก้ไขปัญหาหนังตาตกได้โดยไม่ต้องพึ่งการผ่าตัด ไม่ว่าจะเป็นการใช้ครีมดูแลผิว การใช้เลเซอร์ หรือเทคนิคยกกระชับต่าง ๆ บทความนี้จะพาไปรู้จักสาเหตุของหนังตาตก และวิธีแก้ไขที่ทำได้ง่ายและปลอดภัย เหมาะสำหรับคนที่อยากดูดีขึ้นโดยไม่ต้องเจ็บตัว
ลักษณะหนังตาตก อาการเป็นยังไง
หนังตาตก (Ptosis) เป็นภาวะที่เปลือกตาบนตกลงมาต่ำมากกว่าปกติ ซึ่งอาจเป็นที่ตาข้างเดียว หรือเป็นทั้งสองข้าง ส่งผลให้เปลือกตาเกิดการบังดวงบางส่วน หรือทั้งหมด รวมถึงรบกวนการมองเห็นได้ หนังตาตกสามารถเกิดขึ้นได้ตั้งแต่กำเนิด หรือภายหลัง เช่น เมื่ออายุเพิ่มขึ้น หรือผลจากโรคต่าง ๆ เป็นต้น
หนังตาตกจะมีอาการที่เปลือกตาบนตกลงมาบังรูม่านตามากกว่าปกติ และหนังตาที่ตกลงมาอาจบดบังการมองเห็น ส่งผลให้เกิดการมองเห็นได้ไม่ชัดเจน หรือทำให้มองภาพได้แคบลง โดยเฉพาะการมองขึ้นด้านบน และการเกิดหนังตาตกจะทำให้รู้สึกเมื่อยล้าที่ดวงตา เนื่องจากต้องมีการเพ่งสายตา หรือใช้กล้ามเนื้อบริเวณรอบดวงตา และหน้าผากมากขึ้นเพื่อช่วยในการมองเห็น นอกจากนี้ดวงตาทั้งสองข้างอาจดูไม่เท่ากัน ตาข้างหนึ่งดูโตกว่าตาอีกข้าง และสำหรับบางคนอาจมีอาการปวดคอ และปวดศีรษะ เพราะต้องมีการเอียงศีรษะไปทางด้านหลังเพื่อช่วยในการมองเห็นได้ง่ายขึ้น
หนังตาตก สาเหตุเกิดจากอะไร
อย่างที่ทราบ หนังตาตก เป็นภาวะที่เปลือกตาบนตกลงมา ทำให้เปลือกตาเกิดการบังดวงตา และอาจรบกวนการมองเห็น ซึ่งสามารถเกิดได้จากหลายสาเหตุ ดังนี้
- พันธุกรรม เป็นอีกหนึ่งสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดหนังตาตก เนื่องจากเป็นการถ่ายทอดผ่านทางพันธุกรรม จากรุ่นหนึ่งสู่อีกรุ่นหนึ่ง
- อายุเพิ่มมากขึ้น เมื่อคนเรามีอายุมากขึ้น คอลลาเจน และอีลาสตินใต้ผิวหนังจะมีการผลิตน้อยลง ทำให้ผิวหนังขาดความยืดหยุ่น ส่งผลให้ผิวหนังบริเวณรอบดวงตาเกิดการหย่อนคล้อย ทำให้หนังตา และหางตาตกลงมาได้ง่ายขึ้น รวมถึงหากกล้ามเนื้อที่ทำหน้าที่ยกหนังตาเกิดการอ่อนแรงลง ก็จะทำให้หนังตาตกลงมาได้
- การเสื่อมสภาพของกล้ามเนื้อ และเส้นเอ็น เมื่อคนเรามีอายุเพิ่มขึ้น กล้ามเนื้อตรงบริเวณรอบดวงตา อย่าง กล้ามเนื้อ Orbicularis Oculi หรือเส้นเอ็น Lateral Canthal Tendon ที่คอยทำหน้าที่ในการช่วยยก และรักษาความตึงของหนังตา และหางตาเกิดการเสื่อมสภาพ ส่งผลให้หนังตาเกิดความหย่อนคล้อย และหนังตาตกได้ง่ายขึ้น
- การสูญเสียเนื้อเยื่อ ไขมัน หรือกระดูกเบ้าตา เมื่อคนเราอายุเพิ่มมากขึ้นเนื้อเยื่อ ไขมัน และกระดูกเบ้าตา ที่ทำหน้าที่ในการรองรับ และพยุงโครงสร้างรอบดวงตาจะเกิดการฝ่อตัวลง หรือหายไป ส่งผลให้ผิวหนัง เนื้อเยื่อ และกล้ามเนื้อที่ทำหน้าที่รองรับขาดความหนาแน่น หรือเกิดการยุบตัวลง ทำให้เปลือกตาเกิดการหย่อนคล้อยตกลงมา และทำให้ดวงตาดูลึกโบ๋
- แสงแดด อย่างที่ทราบในแสงแดดจะมีรังสียูวี ที่เป็นตัวการคอยทำร้ายคอลลาเจน และอีลาสตินใต้ผิวหนัง ส่งผลให้ผิวหนังตรงหนังตาเกิดการหย่อนคล้อย และเกิดริ้วรอยมากขึ้น ทำให้เกิดภาวะหนังตาตก
- การสูบบุหรี่ สารนิโคตินในบุหรี่จะส่งผลกระทบต่อระบบไหลเวียนเลือด และเป็นตัวการทำลายคอลลาเจน หรืออีลาสตินใต้ผิวหนัง ทำให้ผิวหนังบริเวณหนังตาเกิดการหย่อนคล้อย และทำให้เกิดหนังตาตก รวมถึงทำให้ผิวหนังเกิดการเสื่อมสภาพเร็วยิ่งขึ้น
- การพักผ่อนไม่เพียงพอ อย่างที่รู้ช่วงเวลาที่เราพักผ่อนร่างกายจะมีการซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ หากร่างกายมีการพักผ่อนไม่เพียงจะส่งผลกระทบต่อการฟื้นฟูของเซลล์ผิว และทำให้เกิดรอยหมองคล้ำ รวมถึงทำให้ผิวหนังบริเวณรอบดวงตาเกิดการหย่อนคล้อย
- การขยี้ตาเป็นประจำ และรุนแรง จะทำให้ผิวหนังตรงบริเวณหนังตาเกิดการระคายเคือง และเกิดการอักเสบ ทำให้ผิวหนังสูญเสียความยืดหยุ่น และเกิดหนังตาตกได้
- การใส่คอนแทคเลนส์อย่างไม่ถูกวิธี จะทำให้ผิวหนังบริเวณหนังตาถูกดึงรั้ง และผิวหนังเกิดการหย่อนคล้อย ส่งผลให้หนังตา หรือหางตาตกได้
- การเลือกใช้เครื่องสำอางที่ไม่เหมาะสม และการทำความสะอาดเครื่องสำอางอย่างรุนแรง จะทำให้ผิวหนังตรงบริเวณหนังตาเกิดการระคายเคือง และอาจทำให้เกิดหนังตาตกได้
- การจ้องหน้าจอเป็นเวลานาน จะทำให้กล้ามเนื้อบริเวณรอบดวงตาเกิดการเมื่อยล้า และทำให้เกิดภาวะหนังตาตกได้
- ความเครียด และการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน จะส่งผลต่อการเกิดริ้วรอย และการเกิดความหย่อนคล้อยของผิวหนังบริเวณรอบดวงตา ทำให้หนังตาตก
- โรคบางชนิด เช่น โรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง โรคทางระบบประสาท โรคหลอดเลือดสมอง และเนื้องอกในสมอง จะส่งผลกระทบต่อการทำงานของกล้ามเนื้อบริเวณรอบดวงตา ทำให้หนังตาตกได้
- การเกิดอุบัติเหตุบริเวณรอบดวงตา การบาดเจ็บที่รุนแรงที่ส่งผลกระทบต่อกล้ามเนื้อ และเส้นประสาทที่ทำหน้าที่ควบคุมเปลือกตา
- ภาวะแทรกซ้อนที่มีสาเหตุมาจากการผ่าตัด เช่น การผ่าตัดดวงตาที่อาจจะส่งผลกระทบต่อกล้ามเนื้อที่ใช้ในการลืมตา
หนังตาตก ส่งผลอะไรบ้าง
อย่างที่ทราบ หนังตาตก คืออาการที่เปลือกตาบนมีการตกลงมาต่ำกว่าปกติ ที่อาจเกิดขึ้นได้ทั้งสองข้าง หรือข้างเดียว ซึ่งการเกิดหนังตาตกอาจส่งผลในหลายด้าน เช่นทำให้บุคคลนั้นสูญเสียความมั่นใจทางด้านภาพลักษณ์ เพราะจะทำให้ใบหน้าดูไม่สมส่วน ดวงตาดูไม่เท่ากัน ทำให้ใบหน้าดูเหนื่อยล้า และทำให้ดูแก่ก่อนวัย นอกจากนี้ยังทำให้ระยะการมองเห็นแคบลง ที่ส่งผลต่อการใช้ชีวิตประจำวัน เช่นการอ่านหนังสือ การขับรถ หรือการทำงานที่ต้องใช้สายตา และทำให้สายตาเกิดการพร่ามัว มองไม่ชัด และทำให้ตาเกิดอาการล้า รวมถึงทำให้สายตาเอียง ตาเข และเกิดภาวะตาขี้เกียจ สุดท้ายการเกิดหนังตาตก อาจมีอาการอื่นร่วม เช่น การมองเห็นภาพซ้อน กล้ามเนื้อใบหน้าเกิดการอ่อนแรง มีอาการปวดศีรษะอย่างรุนแรง หรือแขนขาอ่อนแรง และอาจเป็นสัญญาณที่บ่งบอกของโรคร้ายที่เกี่ยวข้องกับระบบประสาท เช่น โรคหลอดเลือดสมอง หรือโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง
วิธีแก้ไขหนังตาตกด้วยการฉีดฟิลเลอร์
การแก้ไขหนังตาตกด้วยการฉีดฟิลเลอร์ เป็นการรักษาด้วยการฉีดสารเติมเต็มประเภท Hyaluronic Acid (HA) เข้าตรงบริเวณเปลือกตาบน โดยฟิลเลอร์จะเข้าไปเติมเต็มช่องว่างที่เกิดจากการยุบตัวของไขมัน และเนื้อเยื่อ ทำให้เบ้าตาดูเต็มขึ้น นอกจากนี้ยังช่วยพยุงผิวหนังบริเวณเปลือกตาที่เกิดการหย่อนคล้อยให้เกิดการยกกระชับ ทำให้หนังตาที่ตกดูดีขึ้น และชั้นตาชัดขึ้น รวมถึงยังกระตุ้นให้เกิดการสร้างคอลลาเจนใต้ผิวหนัง ทำให้ผิวหนังบริเวณรอบดวงตาดูเต่งตึง และมีความเรียบเนียนยิ่งขึ้น
วิธีแก้ไขหนังตาตกด้วยฉีดโบท็อกซ์
การแก้ไขหนังตาตกด้วยการฉีดโบท็อกซ์ เป็นการรักษาด้วยการฉีด Botulinum Toxin Type A เข้าตรงบริเวณเปลือกตา โดยโบท็อกซ์จะเข้าไปยับยั้งการทำงานของกล้ามเนื้อที่ดึงหนังตาลงมา และดึงคิ้ว ดังนั้นเมื่อกล้ามเนื้อเกิดการคลายตัว กล้ามเนื้อที่ทำหน้าที่ยกหนังตา หรือคิ้วก็จะทำงานได้มีประสิทธิภาพขึ้น ทำให้คิ้วยกขึ้นเล็กน้อย และหนังตาที่ตกลงมาก็จะถูกยกตามไปด้วย
วิธีแก้ไขหนังตาตกด้วยการร้อยไหม
การแก้ไขหนังตาตกด้วยการร้อยไหม เป็นการรักษาด้วยการใช้เทคนิค Foxy Eyes Thread Lift ที่จะทำการร้อยไหมให้เป็นโครงตาข่าย โดยร้อยเข้าตรงบริเวณหางตาที่ตกลงมาให้ยกขึ้นไปบริเวณเหนือหางตา ซึ่งเงี่ยงไหมจะเข้าไปเกี่ยวกับผิวให้ยกขึ้น ส่งผลให้ช่วยแก้ปัญหาเกี่ยวกับหนังตาตก และหางตาตกได้ ทำให้ดวงตามีความเฉี่ยว และดูคมขึ้น รวมถึงทำให้ใบหน้าดูมีเสน่ห์
วิธีแก้ไขหนังตาตกด้วย Ulthera
การแก้ไขหนังตาตกด้วย Ulthera เป็นการรักษาด้วยการใช้เทคโนโลยีพลังงานคลื่นอัลตราซาวด์แบบเฉพาะเจาะจง (Focused Ultrasound) ยิงลงลึกถึงชั้น SMAS ของผิวหนัง โดย Ulthera จะช่วยกระตุ้นให้เกิดการสร้างคอลลาเจน และทำให้เส้นใยคอลลาเจนเกิดการหดตัว ส่งผลให้เปลือกตา และหางตาเกิดการยกกระชับขึ้น ทำให้ตาดูสดใส และดวงตาดูโต
วิธีแก้ไขหนังตาตกด้วยการศัลยกรรมตาสองชั้น
การแก้ไขหนังตาตกด้วยการศัลยกรรมตาสองชั้น เป็นการรักษาโดยแพทย์จะทำตาสองชั้นร่วมกับการผ่าตัดนำไขมัน และผิวหนังส่วนเกินตรงบริเวณตาออก ซึ่งจะช่วยแก้ปัญหาเกี่ยวกับผิวหนังที่เกิดความหย่อนยาน หนังตาตกแบบถาวร ทำให้เห็นชั้นตาได้ชัดขึ้น และทำให้ผลลัพธ์ออกมาเป็นธรรมชาติ
วิธีแก้ไขหนังตาตกแบบธรรมชาติ
- การบริหารกล้ามเนื้อตา เช่นท่าเบิกตากว้าง โดยการเบิกตาให้กว้างมากที่สุด ทำค้างไว้ประมาณ 5 – 10 วินาที แล้วหลับตาให้สนิท ทำซ้ำ 5 – 10 ครั้ง หรือท่าเลิกคิ้ว ด้วยการวางนิ้วชี้ทั้งสองข้างไว้ใต้คิ้ว แล้วดันนิ้วขึ้นให้ชนกับโหนกคิ้ว จากนั้นค่อย ๆ หลับตาลงช้า ๆ จะทำให้รู้สึกถึงแรงต้านจากนิ้ว ทำค้างไว้ 3 – 5 วินาที แล้วทำซ้ำ 5 ครั้ง ซึ่งวิธีนี้จะช่วยกระตุ้นการไหลเวียนเลือด และช่วยเพิ่มความแข็งแรงให้กับกล้ามเนื้อที่ใช้ในการลืมตา รวมถึงช่วยให้หนังตามีความกระชับขึ้น
- การนวดคลึงเบา ๆ และการกดจุดบริเวณรอบดวงตา โดยการนวดวันละ 2 – 3 ครั้ง ครั้งละ 5 นาที ซึ่งจะช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด และน้ำเหลือง ส่งผลให้ลดอาการบวม และทำให้ผิวบริเวณรอบดวงตาผ่อนคลาย
- การประคบร้อน และประคบเย็นสลับกัน โดยการใช้ผ้าขนหนูชุบน้ำร้อน วางลงบนดวงตาประมาณ 30 วินาที จากนั้นตามด้วยผ้าชุบน้ำเย็นประมาณ 30 วินาที สลับกันแบบนี้ 3 รอบ วันละ 1 – 2 ครั้ง ซึ่งจะช่วยกระตุ้นการไหลเวียนเลือดบริเวณรอบดวงตา และช่วยคลายกล้ามเนื้อตา
- การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ เช่น อาหารที่มีสารต้านอนุมูลอิสระสูง และอาหารที่มีโอเมก้า 3 ซึ่งจะช่วยบำรุงดวงตา และช่วยชะลอความเสื่อมของผิวหนัง หรือกล้ามเนื้อ
หนังตกตก หายเองได้ไหม
โดยปกติหนังตาตก มักจะมีสาเหตุมาจากอายุที่เพิ่มขึ้น หรือการผิดปกติของกล้ามเนื้อ หรือเส้นประสาทที่คอยควบคุมการยกเปลือก ซึ่งไม่สามารถหายได้เอง จำเป็นต้องได้รับการรักษาจากแพทย์
