คอเป็นรอยพับหรือมีเส้นชัดเจน เป็นปัญหาที่หลายคนเจอได้ตั้งแต่อายุยังน้อย ไม่ใช่แค่เรื่องของวัย แต่ยังเกี่ยวกับพฤติกรรมในชีวิตประจำวัน เช่น การก้มเล่นมือถือบ่อย ๆ การนั่งทำงานนาน ๆ หรือแม้แต่สภาพผิวที่ขาดความชุ่มชื้น รอยพับเหล่านี้อาจทำให้ดูแก่กว่าวัยและทำให้ผิวบริเวณลำคอไม่เรียบเนียน แต่ปัจจุบันมีหลายวิธีช่วยดูแลและแก้ไขได้ทั้งแบบง่าย ๆ ที่บ้าน ไปจนถึงการทำหัตถการความงาม บทความนี้จะพาไปรู้จักสาเหตุของคอเป็นรอยพับ พร้อมวิธีแก้ไขที่ทำได้จริงและเห็นผล

คอเป็นรอยพับ เป็นเส้น เป็นชั้น สาเหตุเกิดจากอะไร
คอเป็นรอยพับ เป็นเส้น เป็นชั้น มักเป็นปัญหาที่เกิดมาจากการเสื่อมสภาพของผิวหนัง และกล้ามเนื้อตรงบริเวณคอ โดยรอยพับ โดยคอเป็นรอยพับ เป็นเส้น เป็นชั้น สามารถเกิดได้จากหลายสาเหตุ ดังนี้
- อายุ เมื่อคนเราอายุเพิ่มขึ้น ผิวหนังจะมีการผลิตคอลลาเจน และอีลาสตินน้อยลง ส่งผลให้ผิวหนังขาดความยืดหยุ่น และทำให้เกิดความหย่อนคล้อย จนทำให้เกิดริ้วรอย และรอยพับตรงบริเวณคอ
- พันธุกรรม เป็นการถ่ายทอดผ่านทางพันธุกรรม จากรุ่นพ่อรุ่นแม่สู่รุ่นลูก เช่น ถ้าพ่อแม่มีผิวที่บาง หรือผิวมีความไวต่อการเกิดริ้วรอย ลูกก็สามารถเกิดริ้วรอยได้เช่นกัน
- ไขมันสะสม สำหรับบางบุคคลที่มีน้ำหนักเกินมาตรฐาน จะทำให้เกิดการสะสมของไขมันบริเวณใต้ผิวหนัง บนใบหน้า คอ และคาง ส่งผลให้ผิวหนังบริเวณนั้นเกิดการหย่อนยาน จนทำให้คอเป็นรอยพับ เป็นเส้น และเป็นชั้น
- น้ำหนัก หากบุคคลใดมีน้ำหนักที่เพิ่มขึ้น หรือลดลงอย่างรวดเร็ว อาจทำให้ผิวหนังตรงบริเวณคอเกิดการยืด หรือหดตัวไม่ทัน ส่งผลให้เกิดรอยพับ และรอยย่น
- แสงแดด อย่างที่ทราบในแสงแดดจะมีรังสี UV ที่เป็นตัวการคอยทำลายคอลลาเจน และอีลาสตินใต้ผิวหนัง ทำให้ผิวหนังบริเวณคอเกิดรอยย่น และริ้วรอย
- การสูบบุหรี่ ในบุหรี่จะมีสารนิโคตินที่เป็นตัวการคอยทำลายคอลลาเจนใต้ผิว ส่งผลให้ผิวหนังเกิดริ้วรอย และทำให้คอเป็นรอยพับ เป็นเส้น เป็นชั้น รวมถึงทำให้ผิวดูแก่ก่อนวัย
- การหนุนหมอนสูงเกินไป การนอนหมอนสูงจะทำให้คอเกิดการชิดกับอก หากมีการนอนด้วยลักษณะนี้เป็นประจำ จะทำให้ลำคอเกิดรอยพับ
- การนั่งก้มหน้าเป็นประจำ เช่นการก้มหน้าเล่นโทรศัพท์ หรือการนั่งทำงานเป็นเวลานาน จะทำให้คอพับเป็นเส้นบ่อย ๆ ซึ่งอาจส่งผลให้กลายเป็นริ้วรอยถาวร
- การหันคอ หรือการเงยศีรษะซ้ำ การเคลื่อนไหวของคอในลักษณะเดิมซ้ำ ๆ ก็เป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดริ้วรอยได้ ซึ่งริ้วรอยจะมีความลึก และเห็นชัดขึ้นเมื่อผิวหนังเกิดการสูญเสียความยืดหยุ่น
- การดูแลผิวที่ไม่เหมาะสม การไม่ทาครีมบำรุงตรงบริเวณคออย่างสม่ำเสมอ จะทำให้ผิวเกิดการแห้งกร้าน หรือผิวหนังขาดความชุ่มชื้น ส่งผลให้เห็นริ้วรอยได้ชัดเจน

ทั้งนี้ทั้งนั้น รอยเส้นที่คอถูกแบ่งออกเป็น 3 ประเภท
- ริ้วรอยแนวนอน จะมีลักษณะเป็นเส้นที่พับตามแนวนอนรอบคอ ที่เกิดมาจากการเคลื่อนไหวของคอ เช่นการก้ม หรือการเงยหน้าซ้ำ ๆ ซึ่งริ้วรอยจะมีความลึก และเห็นชัดขึ้นเมื่อผิวหนังเกิดการสูญเสียความยืดหยุ่น
- ริ้วรอยแนวตั้ง จะมีลักษณะเป็นเส้นที่ลากจากใต้คางลงมาที่ไหปลาร้าทั้งสองข้าง มักจะเกิดจากกล้ามเนื้อพลาทิสมา (Platysma) จะเห็นชัดเมื่อมีการแสดงออกทางสีหน้า
- คอเป็นชั้น คอจะมีลักษณะเป็นรอยพับเป็นชั้น ๆ หรือดูหนาขึ้น มักจะเกิดจากไขมันสะสม หรือผิวหนังที่เกิดความหย่อนคล้อยจากการลดน้ำหนักอย่างรวดเร็ว และเมื่ออายุเพิ่มขึ้น
คอเป็นรอยพับ ส่งผลอะไรบ้างกับโหงวเฮ้ง
โหงวเฮ้ง เป็นศาสตร์ประเภทหนึ่งของจีน ที่จะใช้สำหรับการทำนายถึงลักษณะของร่างกาย ที่จะบ่งบอกถึงลักษณะนิสัยใจคอ ครอบครัว และการเงิน ซึ่งโหงวเฮ้งจะพิจารณาจากลักษณะต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นโครงหน้า หน้าผาก หู ตา ปาก จมูก คิ้ว และคอ เป็นต้น
โดยโหงวเฮ้งคอที่ดี ลำคอจะต้องมีความยาวกำลังพอดี และคอต้องเป็นปล้อง มีความอวบอิ่ม รวมถึงผิวหนังบริเวณคอต้องมีความเรียบเนียน ไม่เป็นรอยพับ เป็นเส้น หรือเป็นร่องลึก จะถือว่าเป็นบุคคลที่มีความอุดมสมบูรณ์ มีวาสนาดี มีกินมีใช้ตลอดชีวิต ไม่มีความลำบาก แต่หากบุคคลใดมีคอเป็นรอยพับ ตามหลักโหงวเฮ้งจะถือว่าเป็นบุคคลที่มีชีวิตยากลำบาก และมีความกังวลใจเสมอ นอกจากนี้ยังชีวิตบั้นปลายยังไม่มีความมั่นคง
วิธีแก้ไขคอเป็นรอยพับ เป็นเส้น เป็นชั้น

1. ฉีดฟิลเลอร์คอ
เป็นการแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับคอเป็นรอยพับ เป็นเส้น เป็นชั้น โดยแพทย์จะทำการฉีดสารเติมเต็มประเภท ไฮยาลูรอนิกแอซิด (Hyaluronic Acid) เข้าตรงบริเวณคอ ซึ่งฟิลเลอร์จะช่วยเติมเต็ม และช่วยเพิ่มปริมาตรให้กับผิวหนัง ทำให้ผิวหนังที่เกิดการยุบตัว และเป็นร่องลึกจากรอยพับให้ดูตื้นขึ้น และทำให้ผิวหนังเกิดความกระชับ เรียบเนียน นอกจากนี้ยังทำให้ผิวหนังตรงคอดูอิ่มฟู และดูชุ่มชื้น การฉีดฟิลเลอร์คอผลลัพธ์จะอยู่ได้ประมาณ 6 – 12 เดือน
2. ฉีดโบท็อกคอ
แพทย์จะทำการฉีดสารโบทูลินัม ท็อกซิน เอ (Botulinum Toxin Type A) เข้าบริเวณกล้ามเนื้อบริเวณคอ โดยโบท็อกจะมีการออกฤทธิ์ต่อระบบประสาท ทำให้กล้ามเนื้อมีการทำงานที่น้อยลง และช่วยลดการขยับของกล้ามเนื้อ ส่งผลให้ผิวหนังเกิดความกระชับ และมีความเรียบเนียนขึ้น นอกจากนี้ยังช่วยแก้ปัญหาคอเป็นรอยพับ เป็นเส้น เป็นชั้น การฉีดโบท็อกผลลัพธ์จะอยู่ได้ประมาณ 6 – 8 เดือน ในบางเคส การฉีดโบท็อกซ์ คอ บา ไหล่ ยังสามารถช่วยเรื่องออฟฟิศซินโดรมได้อีกด้วย
3. Morpheus8
เป็นการรักษาโดยการใช้เทคโนโลยีที่ผสานการทำงานระหว่าง Microneedling และ Radiofrequency (RF) energy โดย Morpheus8 จะช่วยกระตุ้นให้เกิดการสร้างคอลลาเจน และอีลาสตินใต้ผิวหนัง รวมถึงช่วยในการยกกระชับ และช่วยแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับคอเป็นรอยพับ เป็นเส้น และคอย่น เป็นต้น

4. HIFU
เป็นการรักษาด้วยการใช้เทคโนโลยีอัลตราซาวด์ (Ultrasound Therapy) ที่มีความเข้มข้นสูง และมีความแม่นยำ ยิงลงสู่ชั้นผิวระดับลึกในชั้น SMAS โดย HIFU จะช่วยกระตุ้นให้เกิดการสร้างคอลลาเจน และอีลาสติน ทำให้ผิวหนังมีความหนาแน่น และมีความยืดหยุ่นสูง ส่งผลให้ผิวหนังเกิดความกระชับ และช่วยแก้ปัญหาเกี่ยวกับความหย่อนคล้อย
5. Ulthera
เป็นการรักษาโดยแพทย์จะใช้คลื่นความถี่สูง ยิงลงที่ผิวหนังชั้น SMAS ซึ่งเป็นชั้นของกล้ามเนื้อ และเนื้อเยื่อที่อยู่ใต้ผิวหนังชั้นแท้ คลื่นความถี่สูงที่ยิงลงไปที่ผิวหนังจะทำให้เกิดความร้อน Ulthera จะช่วยกระตุ้นให้เกิดการสร้างคอลลาเจน และอีลาสตินขึ้นมาใหม่ ส่งผลให้ผิวหนังบริเวณลำคอเกิดความกระชับ และช่วยลดริ้วรอย Ulthera ผลลัพธ์จะอยู่ประมาณ 1 -2 ปี

6.Thermage
เป็นการรักษาโดยแพทย์จะมีการใช้คลื่น Radio Frequency ยิงลงไปที่ชั้นผิวหนังชั้นหนังแท้ และตรงไขมัน เพื่อกระตุ้นให้เกิดการสร้างคอลลาเจนใต้ผิวหนัง และเพื่อให้เกิดการยกกระชับขึ้น ส่งผลให้ผิวหนังมีความแน่นขึ้น และทำให้ผิวมีความเรียบเนียน Thermage ผลลัพธ์จะอยู่ประมาณ 1 -2 ปี
7.การนวด และบริหารลำคอ
โดยการนวดตรงบริเวณคอเบา ๆ ด้วยน้ำมันมะพร้าว น้ำมันอัลมอนด์ หรือครีมบำรุงผิวที่มีคุณสมบัติช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น ซึ่งวิธีการนี้จะช่วยกระตุ้นให้เกิดการไหลเวียนเลือด และช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นให้กับผิว ส่วนการบริหารคอ เช่น การเอียงคอ ไปทางด้านข้างช้า ๆ และการหมุนคอเป็นวงกลม ก็จะช่วยให้กล้ามเนื้อคอเกิดความกระชับ และลดการเกิดริ้วรอย
วิธีป้องกันรอยย่น รอยพับ บริเวณคอ
การเกิดรอยย่น รอยพับ บริเวณคอ อาจส่งผลเสียในหลายด้าน เช่นทางด้านรูปลักษณ์ อาจทำให้สูญเสียความมั่นใจ หรือทางด้านหน้าที่การงาน อาจทำให้สูญเสียโอกาสในการทำงานสำหรับบางอาชีพ เช่น นักแสดง พนักงานต้อนรับ และพนักงานขาย เพื่อไม่ให้เกิดผลเสียดังกล่าว เราสามารถป้องกันได้ด้วยวิธี ดังต่อไปนี้
- การทาครีมกันแดด อย่างที่ทราบรังสี UV ที่อยู่ในแสงแดด เป็นตัวการร้ายที่คอยทำลายคอลลาเจน และอีลาสตินใต้ผิวหนัง ทำให้ผิวหนังเกิดการเสื่อมสภาพ และทำให้เกิดริ้วรอยได้ง่าย ดังนั้นควรทาครีมกันแดดที่มีค่า SPF 30 ++ ทั่วทั้งใบหน้า และบริเวณลำคอเป็นประจำ แม้จะไม่ได้ออกจากบ้าน
- การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวสำหรับคอโดยเฉพาะ เนื่องจากผิวบริเวณลำคอต้องการการบำรุงที่มีความแตกต่างจากผิวหน้า ซึ่งควรเลือกใช้มอยส์เจอร์ไรเซอร์หรือครีมบำรุงผิวคอที่มีส่วนผสมที่ช่วยกระตุ้นให้เกิดการสร้างคอลลาเจน เช่น วิตามินซี วิตามินอี เปปไทด์ หรือเรตินอล ควรทาครีมบำรุงโดยการนวดจากไหปลาร้าขึ้นไปยังปลายคาง เพื่อช่วยยกกระชับผิว
- การดื่มน้ำ อย่างที่ทราบน้ำเป็นองค์ประกอบสำคัญสำหรับร่างกาย ดังนั้นควรมีการดื่มน้ำให้เพียงอย่างน้อยวันละ 8 แก้ว ซึ่งจะช่วยให้ผิวหนังได้ความชุ่มชื้น และทำให้ผิวดูสุขภาพดี
- การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ อาหารที่มีส่วนประกอบของ วิตามินซี วิตามินอี แร่ธาตุ และสารต้านอนุมูลอิสระ เช่น ผักใบเขียว ฝรั่ง ส้ม มะนาว กีวี สับปะรด มะละกอ ปลา และถั่ว ซึ่งจะช่วยกระตุ้นให้เกิดการสร้างคอลลาเจน
- หลีกเลี่ยงการก้มหน้า เช่นการก้มหน้าเล่นโทรศัพท์ หรือการก้มหน้าทำงานเป็นประจำ จะทำให้เกิดรอยพับตรงบริเวณลำคอ ดังนั้นควรยกโทรศัพท์ให้อยู่ในระดับสายตา เพื่อช่วยลดการกดทับของผิว
- การจัดท่านอนที่เหมาะสม ควรนอนหงายเพื่อหลีกเลี่ยงการพับของผิวหนังตรงบริเวณคอ หากนอนตะแคง หรือนอนคว่ำเป็นประจำทุกวัน อาจทำให้เกิดรอยย่นถาวร
- งดการสูบบุหรี่ อย่างที่รู้ในบุหรี่จะมีสารนิโคติน ที่เป็นตัวทำลายคอลลาเจน และอีลาสตินใต้ผิวหนัง ซึ่งทำให้ผิวหนังเกิดการเสื่อมสภาพเร็วขึ้น
- การควบคุมน้ำหนัก การลดน้ำหนัก หรือการเพิ่มน้ำหนักอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้ผิวหนังตรงบริเวณคอเกิดการยืด หรือหดตัวไม่ทัน ส่งผลให้เกิดรอยพับ และรอยย่น
- การบริหารกล้ามเนื้อ เช่นท่าเงยหน้า โดยการนั่ง หรือยืนให้หลังตรง จากนั้นค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นไปจนรู้สึกตึงตรงบริเวณลำคอ ทำค้างไว้ 5 – 10 วินาที แล้วค่อย ๆ ก้มกลับสู่ท่าปกติ ทำซ้ำประมาณ 10 – 15 ครั้ง หรือท่าบริหารคอ โดยค่อย ๆ หมุนศีรษะไปทางขวาจนปลายจมูกอยู่ระดับเดียวกับไหล่ ทำค้างไว้ 5 วินาที แล้วค่อย ๆ หมุนกลับมาตรงกลาง จากนั้นทำสลับข้าง ทำซ้ำข้างละ 10 ครั้ง เป็นต้น