การฉีดฟิลเลอร์คาง จะช่วยปรับแต่งใบหน้าให้เข้ารูป ดูกระชับ มีความเรียวสวย เติมคางให้ดูยาวขึ้นด้วยการฉีดสารประเภทไฮยาลูโรนิค แอซิด (Hyaluronic Acid) เข้าไป ซึ่งเป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการเพิ่มความสวยให้กับรูปคางตามแบบฉบับ “Golden Ratio” โดยไม่ต้องผ่าตัด
การฉีดฟิลเลอร์คาง สามารถแก้ไขปัญหาคางสั้น คางตัด คางถอย คางเบี้ยว คางไม่เท่ากัน ช่วยปรับรูปหน้า และเสริมคางให้เรียวสวย ใบหน้าวีเชฟขึ้นได้โดยไม่ต้องผ่าตัด
แบ่งลักษณะรูปทรงของใบหน้า (Facial shape) ได้ดังนี้
1. ใบหน้ารูปไข่ (Oval Face) :
ความยาวจะเท่ากับ 1 ½ ของความกว้าง หน้าผากจะกว้างกว่าคาง มีโหนกแก้มที่เห็นเด่นชัด และปลายคางเป็นรูปไข่แคบ
2. ใบหน้ารียาว (Oblong Face) :
ความยาวจะยาวกว่าความกว้าง ความกว้างส่วนของหน้าผาก แก้มและกรามมีขนาดเท่าๆกัน คางค่อนข้างได้รูปสวย ใบหน้ามีลักษณะยาว
3. ใบหน้าทรงกลม (Round Face) :
ความกว้างของใบหน้าเท่ากับความยาว อาจจะต่างกันนิดหน่อยแต่โดยมากก็จะใกล้เคียงกัน ส่วนที่กว้างที่สุดของใบหน้าก็คือแก้ม
4. ใบหน้าทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัส (Square Face) :
ความกว้างและความยาวมีขนาดใกล้เคียงกัน หน้าผาก โหนกแก้มและกรามมีความกว้างใกล้เคียงกัน กรามเป็นลักษณะค่อนข้างเหลี่ยม
5. ใบหน้ารูปหัวใจ (Heart Face) :
กรามแคบ โหนกแก้มและหน้าผากกว้าง ลักษณะคล้ายๆกับหน้ารูปไข่ แต่คางแหลม
6. ใบหน้าทรงข้าวหลามตัดหรือรูปเพชร (Diamond Face) :
บริเวณโหนกแก้มจะกว้างที่สุด ส่วนหน้าผากและกรามจะมีความกว้างใกล้เคียงกัน
7. ใบหน้าทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้า (Rectangle Face) :
บริเวณส่วนหน้าผาก โหนกแก้มและกรามจะมีสัดส่วนที่เท่ากัน
8. ใบหน้าทรงสามเหลี่ยม (Triangular Face) :
จะตรงข้ามกับหน้ารูปหัวใจ โหนกแก้ม หน้าผากและขมับจะแคบ
9. ใบหน้าทรงหกเหลี่ยม (Heptagon Face) :
Golden Ratio คือ “สัดส่วนทองคำ” บนใบหน้า เป็นสัดส่วนแบบ 1:1:1 เพื่อให้มั่นใจว่าใบหน้ามีขนาดเหมาะสม
วิธีคือ ให้ใช้ฝ่ามือประทับลงไปบนใบหน้าทั้งหมด 3 ส่วน ประกอบด้วย Upper Face ส่วนด้านบน เป็นการวัดสัดส่วนตั้งแต่ไรผมถึงหัวคิ้ว, Middle Face ส่วนตรงกลาง วัดตั้งแต่คิ้วจนถึงปลายจมูก และ Lower Face ส่วนด้านล่าง วัดตั้งแต่ปลายจมูกถึงปลายคาง โดยแต่ละส่วนของใบหน้าที่ฝ่ามือวางลงไปต้องมีขนาดพอดี ไม่ใหญ่หรือเล็กจนเกินไป จึงจะนับเป็น Golden Ratio 1:1:1 ที่ถูกต้อง หากใครที่วัดไปแล้วคางสั้นหรือยาวกว่าฝ่ามือ ก็ต้องทำการฉีด ฟิลเลอร์คาง เพื่อปรับรูปหน้าให้สมส่วน
โดยวัดจาก Glabella ลากเส้นมายัง Subnasal ไปจนถึง Pogonion
แบ่งออกเป็น class ดังนี้
I : 165 – 175 องศา => สัดส่วนที่เหมาะสมที่สุด สวยที่สุด
II : < 165 องศา => คางถอย
III : > 175 องศา => คางยื่น
โดยเส้นที่ลากจากปลายจมูก มายังปลายคาง โดยริมฝีปากบนจะต้องห่างจากเส้นนี้ 4 mm ริมฝีปากล่างจะต้องห่างจากเส้นนี้ 2 mm
1. ผู้ที่ต้องการปรับโครงหน้าตามแบบฉบับ “Golden Ratio” - ฟิลเลอร์คาง ช่วยปรับรูปหน้าให้สมส่วนแบบ Golden Ratio 1:1:1 ได้ โดยไม่ต้องผ่าตัด อีกทั้งยังปรับรูปหน้าได้ตามโหงวเฮ้งอีกด้วย
2. ผู้ที่มีปัญหาคางผิดรูป
· ปัญหาคางสั้น - มีปลายคางที่สั้นจนมองไม่เห็น ทำให้ใบหน้ากลม ฟิลเลอร์จะช่วยปรับรูปคางให้ยาวขึ้นได้ ช่วยให้ใบหน้าดูเรียวยาวสมส่วน
· ปัญหาคางตัด - มีปลายคางแบนเหมือนถูกตัด ทำให้รูปหน้าดูเหลี่ยม ดูไม่อ่อนหวาน ฟิลเลอร์จะช่วยปรับรูปหน้าให้ดูวีเชฟขึ้นได้
· ปัญหาคางบุ๋ม - มีปลายคางยุบเป็นร่อง ลักษณะเหมือนผลแอปเปิ้ล ฟิลเลอร์จะช่วยเติมเต็มให้รูปคางดูเป็นธรรมชาติได้
· ปัญหาคางถอย - มีปลายคางถอย เมื่อมองจากมุมข้าง คางดูไม่สมส่วน ทำให้ปากห้อย ฟิลเลอร์จะช่วยเติมรูปคางให้ดูสมส่วน มีมิติได้
3. ผู้ที่ชอบความสะดวกรวดเร็ว ไม่ต้องพักฟื้น - การฉีดฟิลเลอร์คาง ไม่ต้องผ่าตัด ไม่มีแผล ใช้เวลาน้อย
ข้อดี | ข้อเสีย |
การฉีดฟิลเลอร์คาง ไม่ใช่การผ่าตัด ทำให้เห็นผลหลังทำได้ทันที | ฟิลเลอร์จะอยู่ได้ 12-18 เดือน จากนั้นจะสลายไปเอง ทำให้รูปหน้ากลับสู่ปกติ ไม่ถาวรเหมือนการผ่าตัดเสริมคาง |
หลังฉีดฟิลเลอร์คาง ไม่ต้องพักฟื้น สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติทันที | หากฉีดฟิลเลอร์ที่ไม่ได้มาตรฐานหรือฟิลเลอร์ปลอม จะทำให้เกิดผลข้างเคียงที่อันตราย เช่น ติดเชื้อ เกิดพังผืดใต้ผิว ฟิลเลอร์กองเป็นก้อนทำให้คางผิดรูป เป็นต้น |
การฉีดฟิลเลอร์คาง ช่วยปรับแต่งใบหน้าให้เข้ารูป ช่วยเพิ่มความมั่นใจ | |
ฟิลเลอร์คาง เป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการเพิ่มความสวยให้กับรูปคางตามแบบฉบับ “Golden Ratio” โดยไม่ต้องผ่าตัด | |
หากฉีดฟิลเลอร์ที่ได้มาตรฐาน คางจะดูเป็นธรรมชาติ ไม่มีปัญหาคางย้อยผิดรูป | |
ฟิลเลอร์ เป็นสาร Hyaluronic Acid หรือ HA สลายได้เองตามธรรมชาติ ไม่เป็นอันตรายต่อร่างกาย |
หากเป็นแพทย์ชำนาญการ พร้อมด้วยการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีมาตรฐานได้คุณภาพ ความอันตรายจะลดลงมาก ผลข้างเคียงแทบไม่เกิดเลยด้วยซ้ำ หรือถ้าจะมีก็เล็กน้อย เช่น มีรอยรูเล็ก ๆ บริเวณที่มีการฉีดฟิลเลอร์คาง ในทางกลับกัน หากรับการบริการจากแพทย์ที่ไม่มีประสบการณ์ อาจทำให้คางมีสัดส่วนที่ไม่ได้รูป เช่น เป็นคางมะม่วง และมีโอกาสที่จะทำให้เกิดผลข้างเคียงคือ ฟิลเลอร์คาง เป็นก้อน เนื่องจากฉีดเข้าไปผิดบริเวณ ใช้ฟิลเลอร์มากเกินไป จะทำให้บริเวณที่ฉีดจับกันเป็นก้อน จนอาจไม่สามารถสลายได้ ดังนั้นการฉีด ฟิลเลอร์คาง จะไม่เกิดอันตรายกับผู้รับบริการ เมื่อใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ และมีความปลอดภัย
การฉีดฟิลเลอร์คาง นั้นมีความปลอดภัย เพราะฟิลเลอร์ที่ใช้นั้น เป็นสารไฮยาลูโรนิค แอซิด (Hyaluronic Acid) สารชนิดนี้ไม่เป็นอันตรายต่อร่างกาย เพราะร่างกายสามารถสร้างเอนไซม์ Hyaluronidase มาช่วยในการสลาย HA เมื่อเวลาผ่านไปก็จะค่อย ๆ สลายไป ไม่มีการตกค้างไว้ หรือเกิดผลข้างเคียง ปกติแล้วการฉีด ฟิลเลอร์คาง จะเห็นผลได้ราว ๆ 1-2 ปี ขึ้นอยู่กับชนิดของผลิตภัณฑ์ และการตอบสนองของร่างกายเมื่อได้รับเข้าไป อย่างไรก็ตามหากเป็นฟิลเลอร์คางที่ไม่มีคุณภาพก็จะให้ผลลัพธ์ที่ตรงกันข้าม และมีโอกาสเกิดผลข้างเคียงที่อันตรายต่อร่างกายหลายเท่า จึงเน้นย้ำเสมอว่าต้องฉีดกับแพทย์เฉพาะทางที่เลือกใช้ผลิตภัณฑ์มีคุณภาพเท่านั้น
การฉีดฟิลเลอร์คาง ต้องใช้ความเชี่ยวชาญไม่แพ้ตำแหน่งอื่น หากแพทย์ไม่เชี่ยวชาญอาจเกิดปัญหาตามมา เช่น ฉีดฟิลเลอร์คางแล้วเป็นก้อน ไม่เป็นธรรมชาติหรือดูเป็นคางมะม่วง เป็นต้น ซึ่งสาเหตุเกิดจากการฉีดผิดตำแหน่งหรือไม่ลึกพอ ทำให้ฟิลเลอร์กองกันเป็นก้อนบวม ดูผิดรูป หรือเกิดจากการที่ฉีดฟิลเลอร์ที่ไม่ได้มาตรฐาน/ฟิลเลอร์ปลอม ซึ่งฟิลเลอร์ปลอมจะไม่สลายตามธรรมชาติ เกิดการไหลย้อย ไม่เป็นทรงและจับกันเป็นก้อน
กรณีฉีดฟิลเลอร์คางที่ไม่ได้มาตรฐาน บวมเป็นก้อนและเกิดการอักเสบ ติดเชื้อ หรือ ฟิลเลอร์คางผิดเทคนิค จนฟิลเลอร์กองกันเป็นก้อน สามารถแก้ได้ด้วยการฉีดสลาย ซึ่งต้องทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ และใช้ Hyaluronidase ในการสลายเท่านั้น
1. ควรงดยา แอสไพริน , NSAIDs เช่น Ibuprofen , Diclofenac , Ponstan เป็นเวลา 1 อาทิตย์ก่อนทำหัตถการ และควรปรึกษาแพทย์ก่อนที่จะหยุดยานั้นๆ
2. ควรงดวิตามิน St.John Wort , Ginko biloba , Primrose oil , Garlic , Ginseng , and Vitamin E เป็นเวลา 1 อาทิตย์ก่อนทำหัตถการ
3. ควรงดยาทาชนิดผลัดเซลล์ผิว เช่น Tretinoin (Retin-A) , Retinols , Retinoids , Glycolic Acid , หรือครีมในกลุ่ม “ Anti-Aging ” ทุกชนิด เป็นเวลา 3 วันก่อนทำ
4. ควรงดการแว็ก ผลักเซลล์ผิว การดึงขนหรือโกนขนบริเวณนั้นๆ เป็นเวลา 3 วันก่อนทำหัตถการ
5. หากมีคอร์สทำหน้านวดหน้าหรือเลเซอร์ต่างๆ ควรทำมาก่อนอย่างน้อย 3 วัน ก่อนฉีดฟิลเลอร์หรือร้อยไหม เพราะหลังทำต้องเว้นไปอีก 2 อาทิตย์
6.หากมีโรคประจำตัว หรือยาที่กินเป็นประจำอื่นๆ ควรเตรียมข้อมูลไว้เพื่อแจ้งกับแพทย์ก่อนที่จะทำหัตถการ
1. งดเลเซอร์ อบซาวหน้า นวดหน้าลงความร้อนบริเวณหน้าอย่างน้อย 1 เดือน
2. งดทานยาหรือวิตามินที่ทำให้เลือดออกมากขึ้น เช่น แอสไพริน , วิตามินอี , ใบแป๊ะก๊วย ในช่วง 1 สัปดาห์แรก
3. งดดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เหล้า เบียร์ บุหรี่ อย่างน้อย 2 สัปดาห์
4. หลีกเลี่ยงความร้อนต่างๆบริเวณใบหน้า เช่น การเป่าผม และ การล้างหน้าด้วยน้ำอุ่น
5. ดื่มน้ำเยอะๆขั้นต่ำ 2-3 ลิตร ต่อวัน เนื่องจากฟิลเลอร์จะฟูขึ้น ทำให้อยู่ได้นาน
6. ไม่ควรกดนวดคลึงลูบคลำ หรือปั้นเอง บริเวณตำแหน่งที่มีการฉีดฟิลเลอร์ เพื่อลดการเคลื่อนย้ายของตัวยาไปตำแหน่งที่ไม่ต้องการ
7. สามารถแต่งหน้าได้ตามปกติในวันรุ่นขึ้นหลังฉีดฟิลเลอร์