ปากแห้ง ปากลอก เกิดจากอะไร ? แก้ไขยังไง ? กับวิธีรักษาที่ได้ผลจริง

เคยไหม? รู้สึกปากแห้ง ปากลอก จนรู้สึกไม่สบาย ทาอะไรก็ไม่หาย มักเป็นหนึ่งในอาการที่ผู้คนพบเจอบ่อยๆ แต่กลับมักถูกละเลยไปโดยไม่คำนึงถึงความสำคัญของมัน อย่างไรก็ตาม ปากแห้งและปากลอกไม่ใช่เรื่องธรรมดา มันอาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพทั่วไปและคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยได้โดยตรง โดยบทความนี้จะมาไขข้อข้องใจเกี่ยวกับปัญหาปากแห้ง ปากลอก บอกสาเหตุ วิธีแก้ไข และวิธีรักษาที่ได้ผลจริง เพื่อให้เข้าใจสาเหตุของปัญหาปากแห้ง ปากลอก และสามารถแก้ไขได้อย่างถูกวิธี

สารบัญ

ปากแห้ง ปากลอก เกิดจากอะไร ?

ปากแห้ง ปากลอก ริมฝีปากจะมีลักษณะเป็นขุย แตกเป็นร่อง และอาจมีรอยแตกที่มุมปาก นอกจากนี้ริมฝีปากอาจจะมีความแห้งตึง เป็นต้น ซึ่งอาการเหล่านี้สามารถเกิดได้จากหลายสาเหตุ ดังนี้

  • ฮอร์โมน: การเปลี่ยนแปลงฮอร์โมนของผู้หญิง เช่นการมีประจำเดือน ตั้งครรภ์ หรือวัยหมดประจำเดือน อาจส่งผลต่อสุขภาพผิวทำให้ปากแห้ง และปากแตกได้
  • สภาพอากาศ: การอยู่ในสภาพอากาศที่หนาว อากาศแห้ง และการสัมผัสแสงแดดจัด ลมหนาว อากาศแห้ง และรังสี UV จะดึงเอาความชุ่มชื้นออกจากผิวหนัง รวมไปถึงริมฝีปาก
  • การดื่มน้ำน้อย: อาการปากแห้งอาจเกิดจากขาดน้ำในร่างกาย
  • การเลียริมฝีปากบ่อยๆ: การเลียริมฝีปากเป็นประจำอาจทำให้ปากแห้งมากขึ้น
  • การระคายเคืองจากสารเคมีต่างๆ: อาจเกิดจากการใช้ลิปสติก ยาสีฟัน น้ำยาบ้วนปาก เป็นต้น
  • การใช้ยารักษาโรค: หรือการทานอาหารเสริมบางชนิด เช่น เรตินอยด์ ยาลิเทียม ยาเคมีบำบัด ยาแก้แพ้ และวิตามินเอ อาจส่งผลให้บางคนริมฝีปากแห้งได้
  • โรคประจำตัว: เช่น โรคภูมิแพ้ โรคผิวหนัง โรคเบาหวาน และโรคติดเชื้อ อาจส่งผลให้ริมฝีปากแตก ริมฝีปากแห้ง และเกิดการระคายเคืองได้
  • การสูบบุหรี่: เนื่องจากในบุหรี่มีสารนิโคติน ทำให้หลอดเลือดหดตัว ส่งผลต่อการไหลเวียนโลหิตไปยังริมฝีปาก จนทำให้ริมฝีปากซีดและแห้ง
  • การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์: แอลกอฮอล์มีฤทธิ์ขับปัสสาวะ ทำให้ร่างกายสูญเสียน้ำ

ปากแห้ง ปากลอก ส่งผลอะไรบ้าง ?

หากบุคคลใดประสบปัญหาเกี่ยวกับปากแห้ง หรือปากลอก จะส่งผลต่อความมั่นใจทั้งด้านภาพลักษณ์และด้านการงาน เมื่อเกิดอาการปากแห้ง ริมฝีปากจะรู้สึกตึง ทำให้พูดลำบาก ส่งผลเสียต่อบุคลิกภาพ นอกจากนี้ ยังส่งผลต่อสุขภาพช่องปาก ดังนี้

  • การติดเชื้อ: ปากที่แห้งและแตก รวมถึงแผลในปาก จะทำให้เชื้อโรคเข้าถึงได้ง่าย ส่งผลให้เกิดการติดเชื้อในช่องปาก เช่น แผลร้อนในปาก
  • กลิ่นปาก: ปากแห้งทำให้น้ำลายน้อยลง น้ำลายทำหน้าที่กำจัดแบคทีเรียในช่องปาก เมื่อแบคทีเรียสะสม จะส่งผลให้เกิดกลิ่นปาก
  • ปัญหาเกี่ยวกับฟัน: ปากแห้งส่งผลต่อสุขภาพของเหงือก ทำให้เหงือกอักเสบ
  • ปัญหาทางด้านโภชนาการ: ปากแห้งทำให้ทานอาหารลำบาก ส่งผลต่อการได้รับสารอาหารที่ไม่เพียงพอ

โหงวเฮ้งปาก

ตามศาสตร์โหงวเฮ้งจีน โหงวเฮ้งปากหรือโหงวเฮ้งริมฝีปาก ถือว่าเป็นจุดสำคัญในการพิจารณาสภาพจิตใจและสุขภาพโดยรวม โดยลักษณะโหงวเฮ้งปาก-โหงวเฮ้งริมฝีปากที่ดี ต้องมีริมฝีปากที่รับกับใบหน้าอย่างสมส่วน สามารถวัดได้จากจุดกึ่งกลางของดวงตา ลากยาวมาบรรจบที่มุมปาก นอกจากนี้ เส้นขอบและเส้นหยักของริมฝีปากต้องคมชัด มุมปากทั้งสองข้างควรมีลักษณะตรงหรือยกขึ้นเล็กน้อย ไม่ควรคว่ำลง ริมฝีปากล่างต้องมีความอวบอิ่ม ไม่มีริ้วรอย จึงจะถือว่าเป็นคนพูดจาน่าฟัง เข้าใจผู้อื่น มีเสน่ห์ มีสติปัญญา มีความกตัญญู เป็นบุคคลที่ประสบความสำเร็จ และมีความสุขในช่วงชีวิตยามแก่ชรา

13 วิธีแก้ไข ปากแห้ง ปากลอก ที่ได้ผลจริง

ดื่มน้ำให้เพียงพอ

ควรดื่มน้ำให้ได้อย่างน้อย 8 – 10 แก้วต่อวัน แนะนำให้จิบน้ำทีละนิด จิบบ่อยๆ เพื่อช่วยให้ริมฝีปากมีความชุ่มชื้นอยู่ตลอดเวลา

ทาลิปบาล์มเป็นประจำ

ควรเลือกใช้ลิปบาล์มที่มีส่วนผสมของ Shea butter, cocoa butter, petrolatum, หรือ lanolin การทาลิปบาล์มเป็นประจำจะช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับริมฝีปาก และยังช่วยลดอาการปากแห้ง ปากลอกได้

หลีกเลี่ยงการเลียริมฝีปาก

การเลียริมฝีปากอาจเป็นอีกสาเหตุที่ทำให้เกิดปากแห้งและปากลอก เนื่องจากการเลียริมฝีปากสามารถลดความชุ่มชื่นของปากได้ ทำให้เกิดความแห้ง นอกจากนี้ การเลียริมฝีปากอาจทำให้เกิดการทำลายของผิวหนังบริเวณริมฝีปาก ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญในการรักษาความชุ่มชื่นและสุขภาพของริมฝีปาก การทำลายผิวหนังนี้อาจทำให้เกิดอาการปากลอก ซึ่งมักมีอาการระคายเคืองและเจ็บปวด

หลีกเลี่ยงการดึงหรือแกะปาก

เนื่องจากการดึงหรือแกะปากอาจทำให้เกิดการบาดแผลบริเวณริมฝีปาก ซึ่งสามารถทำให้เสียหายถึงระบบส่งผ่านของปากได้ เช่น ระบบประสาทและเส้นเลือด ทำให้เกิดอาการปากแห้ง แตก ลอก และเป็นขุยได้

สครับริมฝีปาก

การสครับริมฝีปากเป็นอีกวิธีที่จะทำให้ปากนุ่มและชุ่มชื้น การสครับผิวเป็นการผลัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วที่เกาะติดบนริมฝีปากให้หลุดออก ส่งผลให้ปากเนียน นุ่ม และไม่หมองคล้ำ รวมถึงช่วยลดการเกิดปากแห้งแตกได้ ควรสครับอย่างน้อย 1 – 2 ครั้งต่อสัปดาห์

หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่

เพราะบุหรี่มีสารนิโคตินที่ทำให้หลอดเลือดหดตัว ส่งผลต่อการไหลเวียนโลหิตที่ริมฝีปาก ทำให้ริมฝีปากซีดและปากแห้ง

หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์

หลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เนื่องจากแอลกอฮอล์มีฤทธิ์ขับปัสสาวะ ทำให้ร่างกายสูญเสียน้ำ ส่งผลให้ผิวแห้งได้ง่าย

หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารรสจัด

หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารรสจัด เพราะอาหารรสจัดจะทำให้เกิดการระคายเคืองในช่องปาก และทำให้ริมฝีปากแห้งได้ง่าย

หลีกเลี่ยงการหายใจทางปาก

เนื่องจากการหายใจทางปากอาจทำให้เกิดการสูญเสียความชุ่มชื่นบริเวณริมฝีปากได้มากขึ้น ซึ่งเป็นการกระตุ้นให้ปากแห้งได้ โดยเฉพาะในสภาวะที่การหายใจทางปากเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องหรือเป็นประจำ

รับประทานวิตามินบีและวิตามินซี

ควรรับประทานอาหารที่ให้วิตามินบีแก่ร่างกาย เช่น ผักใบเขียว ตับ ข้าวกล้อง และถั่วเปลือกแข็ง ซึ่งจะช่วยแก้ปัญหาปากแห้ง วิตามินบีจะช่วยฟื้นฟูเนื้อเยื่อของร่างกาย และควรรับประทานอาหารที่มีส่วนประกอบของซัลเฟอร์ เช่น ไข่ไก่ หรือกระเทียม ซึ่งช่วยให้ริมฝีปากชุ่มชื้นและเต่งตึง

เลี่ยงการเคี้ยวหมากฝรั่ง

การเคี้ยวหมากฝรั่ง จะช่วยกระตุ้นให้ต่อมน้ำลายผลิตน้ำลายมากขึ้น ซึ่งจะช่วยลดอาการปากแห้งได้ แต่ควรเลือกแบบที่ไม่มีน้ำตาล

เลือกใช้ยาสีฟันที่ปราศจากสารเคมี

การเลือกใช้ยาสีฟันที่ปราศจากสารเคมี เพราะสารเคมีมีส่วนทำให้ริมฝีปากแห้งและเป็นขุย

การเลือกใช้ยาสีฟันที่ปราศจากสารเคมีอาจช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดปากแห้งและปากลอกได้ เนื่องจากสารเคมีบางชนิดที่มักปรากฏในยาสีฟันอาจมีผลกระทบทำให้ริมฝีปากแห้ง ปากลอกและเป็นขุยได้

การฉีดฟิลเลอร์ปาก

การฉีดฟิลเลอร์ปาก เป็นเทคนิคทางการแพทย์ที่ได้รับความนิยมอย่างมากในปัจจุบัน เพราะเป็นวิธีการรักษาที่เห็นผลทันที การฉีดฟิลเลอร์ปาก นอกจากจะช่วยปรับรูปทรงของริมฝีปากแล้ว ยังช่วยแก้ไขปัญหาปากเป็นร่องและปากแห้งได้ โดยฟิลเลอร์มีคุณสมบัติช่วยกักเก็บน้ำและกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ทำให้ริมฝีปากดูอวบอิ่ม เนียนนุ่ม และช่วยลดปัญหาปากแห้งแตก

ปากแห้ง ปากลอก ขาดวิตามินอะไร ?

สุขภาพของริมฝีปากมีความสำคัญอย่างมากในการรักษาภาพลักษณ์ แม้ปากแห้งจะเป็นอาการที่มองข้ามได้ง่าย แต่ความจริงแล้วมันอาจเป็นสัญญาณที่บ่งชี้ถึงปัญหาสุขภาพที่สำคัญด้วยเช่นกัน การขาดวิตามินเหล่านี้อาจจะทำให้เกิดปากแห้ง แตก และลอกได้

  • Vitamin B 2 ส่วนใหญ่พบในธัญพืชไม่ขัดขาว ถั่ว เนย ไข่ไก่ และผักใบเขียว วิตามินบี2 ช่วยให้เยื่อบุผิวต่างๆ ในร่างกาย รวมถึงริมฝีปาก ทำงานเป็นปกติ
  • Vitamin B 3 ส่วนใหญ่พบในเนื้อสัตว์ ไข่ไก่ ปลา ถั่ว และธัญพืช วิตามินบี3 ช่วยให้ผิวหนังมีความชุ่มชื้นและยืดหยุ่น
  • Vitamin B 12 ส่วนใหญ่พบในเนื้อสัตว์ ไข่ไก่ นม และผลิตภัณฑ์จากนม วิตามินบี12 ช่วยให้ระบบประสาทและระบบย่อยอาหารทำงานเป็นปกติ
  • Vitamin A ส่วนใหญ่พบในตับ ไข่แดง ผักใบเขียว และผลไม้สีเหลืองส้ม วิตามินเอ ช่วยให้เยื่อบุผิวต่างๆ ในร่างกาย รวมถึงริมฝีปาก ผลิตเมือกเพื่อความชุ่มชื้น
  • Vitamin C ส่วนใหญ่พบในผลไม้รสเปรี้ยว ฝรั่ง กะหล่ำปลี และมะเขือเทศ วิตามินซี ช่วยเสริมสร้างคอลลาเจนให้กับผิวหนัง ส่งผลให้ผิวหนังแข็งแรงและยืดหยุ่น

แก้ไขปัญหาริมฝีปากแห้ง ปากลอก ด้วยฟิลเลอร์ได้ไหม

การฉีดฟิลเลอร์ปากอาจช่วยแก้ไขปัญหาริมฝีปากแห้งได้บ้าง  ขึ้นอยู่กับสาเหตุของความแห้งด้วย ซึ่งฟิลเลอร์มักใช้ในการปรับรูปร่างหรือเสริมเนื้อเยื่อของริมฝีปาก เช่น เพื่อลดริ้วรอยหรือเพิ่มปริมาณของริมฝีปาก มากกว่า การใช้แก้ปัญหาปากแห้งโดยตรง การฉีดฟิลเลอร์ไปยังริมฝีปากสามารถช่วยเพิ่มปริมาณของริมฝีปากและช่วยเติมความชุ่มชื้นให้กับปาก ทำให้ริมฝีปากดูอวบอิ่ม และช่วยลดริ้วรอยรอบริมฝีปากได้ซึ่งอาจช่วยลดอาการปากแห้งได้ในบางกรณี

ดังนั้น การใช้ฟิลเลอร์เพื่อแก้ไขปัญหาริมฝีปากแห้งควรพิจารณาให้รอบคอบ และควรปรึกษาแพทย์ทุกครั้งเพื่อรับคำแนะนำและการรักษาที่เหมาะสม กับสภาพและปัญหาของแต่ละบุคคล ก่อน ตัดสินใจใช้ฟิลเลอร์ ซึ่งทางหมอส้ม หมอเกรซ และทีมแพทย์ Mudan Pavilion ยินดีให้คำปรึกษาฟรี โดยไม่มีค่าใช้จ่าย