SCULPTRA คืออะไร ? เผย 12 ข้อ ช่วยคืน ความอ่อนเยาว์ให้กับผิว

หลายคนที่กำลังค้นหาข้อมูลของ SCULPTRA ที่เป็น Collagen stimulator ตัวแรกของโลก และเป็นตัวเดียวที่ผ่านการรับรองจาก US FDA ว่าเหมาะกับใคร ? กระบวนการทำงานเป็นอย่างไร ? ก่อนที่จะทำการรักษาหรือรับบริการ บทความนี้จะช่วยให้ผู้อ่านได้เข้าใจและรู้จักกับ SCULPTRA มากยิ่งขึ้น

สารบัญ SCULPTRA

SCULPTRA คืออะไร ?

SCULPTRA คือ อนุภาคของกรด Poly-L-Lactic (PLLA) จัดอยู่ในกลุ่ม Collagen Biostimulator เป็นสารฉีดกระตุ้นให้เกิดการสร้างคอลลาเจนของตัวเราเองตามกระบวนการธรรมชาติ ช่วยคืนความอ่อนเยาว์ให้กับผิว โดยทำให้ผิวแน่นอิ่มฟู ยกกระชับบริเวณผิวหย่อนคล้อย ปรับปรุงคุณภาพผิวให้ดียิ่งขึ้น

SCULPTRA เป็น Collagen stimulator ตัวแรกของโลก และเป็นตัวเดียวที่ผ่านการรับรองจาก US FDA ทำให้มั่นใจได้ว่ามีความปลอดภัยสูง และผลลัพธ์ที่ได้ก็ดูเป็นธรรมชาติแบบค่อยเป็นค่อยไปอย่างต่อเนื่อง รวมถึงไม่มีผลหรืออาการข้างเคียงใด ๆ ให้กังวลค่ะ

SCULPTRA เหมาะกับใคร ?

การฉีด SCULPTRA เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อย ไม่กระชับ มีริ้วรอยที่เห็นได้ชัดซึ่งเกิดขึ้นตามวัย เพราะ SCULPTRA เป็นอนุภาคของกรด Poly-L-Lactic (PLLA-SCA)ที่เมื่อฉีดเข้าไปในร่างกายแล้วจะช่วยกระตุ้นให้เกิดการผลิตคอลลาเจนธรรมชาติของตัวเองให้เพิ่มมากขึ้นรวมถึงฟื้นฟูโครงสร้างภายในชั้นลึกของผิวเพื่อให้ผิวมีความแข็งแรงขึ้น ทำให้ผิวดูยกกระชับขึ้น ผิวดูแน้นอิ่มฟู และช่วยคืนความอ่อนเยาว์ให้กับผิวพร้อมปรับปรุงคุณภาพของผิวให้ดียิ่งขึ้น ซึ่งถือว่า  SCULPTRA ตอบโจทย์ของคนกลุ่มนี้ได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ยังเหมาะมาก ๆ กับผู้ที่ต้องการผลลัพธ์จากการฉีดที่ยาวนาน เพราะจากการวิจัยพบว่า SCULPTRA สามารถให้ผลลัพธ์ที่อยู่ยาวนานถึง 2 ปี ซึ่งก็เป็นที่พึงพอใจกับคนไข้ที่ฉีดไปเป็นอย่างมากค่ะ

SCULPTRA มีกระบวนการ การทำงานอย่างไร ?

SCULPTRA ถูกผสมด้วย Sterile Water ถูกฉีดในผิวหนังชั้นลึก Subcutaneous ผิวจะดูเติมเต็มทันทีหลังการฉีด SCULPTRA เนื่องจากปริมาตรน้ำที่ฉีดเข้าไป หลังจากฉีด 2-3 วัน น้ำและส่วนประกอบต่างๆจะถูกดูดซึมเข้าสู่ร่างกาย โดยเหลือเพียงแค่อนุภาคของ SCULPTRA ทำให้อาจจะเห็นร่องลึก ริ้วรอยกลับมาอีกครั้งหนึ่ง

อย่างไรก็ตาม SCULPTRA จะเริ่มกระตุ้นผ่านระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายโดยดึงเซลล์ Macrophage มาล้อมรอบของอนุภาคของ SCULPTRA จำนวนมาก และมีการส่งสัญญาณให้เซลล์ Fibroblast เข้ามารวมตัวกันมากขึ้น

โดย Fibroblast เป็นเซลล์ต้นกำเนิดที่สร้างเส้นใยคอลลาเจนซึ่งเป็นส่วนประกอบหลักของโครงสร้างผิวหนัง จึงทำให้ผิวมีความแข็งแรง และกระชับ เมื่อเวลาผ่านไป อนุภาคของ SCULPTRA จะค่อยๆหายไป เหลือเพียงเส้นใยคอลลาเจนที่มาสะสมแทน และ ฟื้นฟูความแข็งแรงโครงสร้างผิวหนังในระยะยาว ช่วยยกกระชับใบหน้าและฟื้นฟูคุณภาพผิวยาวนาน 25 เดือน และเป็นการกระตุ้นและการสร้างคอลลาเจน Type 1  SCULPTRA สามารถฟื้นฟูสภาพผิวที่หย่อนคล้อย ขาด Volume ช่วยทำให้ผิวกลับมาอ่อนเยาว์มากขึ้น

เมื่อเวลาผ่านไปบวกกับอายุที่มากขึ้น โครงสร้างของใบหน้าและผิวมีการเปลี่ยนแปลงอย่างไรบ้าง ?

โครงกระดูกใบหน้าจะเปลี่ยนแปลงรูปทรงตามการสลายของกระดูก Volume loss มีการสูญเสียปริมาตรบนใบหน้า ส่งผลให้ใบหน้าตอบและไม่สดใส ที่สำคัญเลยคือเมื่ออายุเพิ่มมากขึ้น กระบวนการสร้างคอลลาเจนในร่างกายจะเริ่มลดลง โดยปกติจะเริ่มสร้างลดลงตั้งแต่อายุเข้าประมาณ 20 ปี และเมื่ออายุถึงวัย 45 ปี การสร้างคอลลาเจนในผิวจะยิ่งเริ่มลดน้อยลง จึงทำให้สังเกตเห็นได้ชัดว่าผิวมีความหย่อนคล้อยไม่กระชับเหมือนเดิม เนื่องจากคอลลาเจนเป็นส่วนสำคัญในการพยุงโครงสร้างของผิวหากคอลลาเจนลดลงจะทำให้ผิวหย่อนคล้อย และ เสียรูปทรงได้ค่ะ

คอลลาเจนคืออะไร ?

คอลลาเจน เป็นโปรตีนชนิดหนึ่งที่เป็นส่วนประกอบหลักของผิวหนัง โดยมีสัดส่วนสูงถึง 80% เป็นโครงสร้างสำคัญของเนื้อเยื่อต่างๆในร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นผิวหนัง กระดูก กล้ามเนื้อ เล็บ เอ็น และข้อ เป็นต้น โดยในร่างกายคนเรามีคอลลาเจนหลากหลายชนิด ซึ่งชนิดที่สำคัญและเราสามารถพบได้บ่อยมีด้วยกัน 3 ชนิด

  • คอลลาเจน Type1 เป็นชนิดที่พบได้มากที่สุดในร่างกายพบมากอยู่ในผิวหนังและเส้นเอ็นมีความแข็งแรง และยืดหยุ่นตัวสูง
  • คอลลาเจน Type2 ที่เป็นเส้นใยที่หลวมกว่า Type1 พบมากอยู่ในกระดูก และ ข้อต่อ
  • คอลลาเจน Type3 พบมากอยู่ในผิวหนัง และ หลอดเลือด แต่ไม่แข็งแรงเท่ากับ คอลลาเจนType 1

คอลลาเจนชนิดไหน จำเป็นต่อผิวของเรามากที่สุด ?

คอลลาเจนที่มีความสำคัญกับผิวหนังของเราต้องการมากที่สุดก็คือ คอลลาเจน Type 1 ที่พบมากที่สุดในผิวหนัง ยิ่งอายุเรามากขึ้น กลับกันร่างกายจะสามารถผลิตคอลลาเจนได้น้อยลงเมื่อเข้าสู่ช่วงอายุ 20 ปีขึ้นไปเราจะเริ่มสูญเสียคอลลาเจนในผิวปีละ 1-2% และเมื่ออายุถึงวัย 45 ปีการสร้างคอลลาเจนในผิวจะยิ่งเริ่มลดน้อยลง สัญญาณอย่างหนึ่งที่มองเห็นได้คือ ผิวจะไม่กระชับเหมือนเดิม เกิดริ้วรอยต่าง ๆ ที่ชัดเจนขึ้น ซึ่ง SCULPTRA หรือOriginal Collagen Biostimulator เป็นตัวกระตุ้นให้เกิดการสร้างคอลลาเจนในร่างกายของตัวเองตามธรรมชาติให้เพิ่มมากขึ้น โดยตามผลการวิจัยจะสามารถกระตุ้นให้เกิดการผลิต Collagen type 1 สูงถึง 66.5% หลังจากฉีดไปแล้ว 3 เดือน ซึ่งถ้าเทียบกับผลิตภัณฑ์ตัวอื่น ๆ ยังไม่มีผลิตภัณฑ์ตัวไหนที่สามารถผลิต Collagen type 1 ได้มากเทียบเท่ากับ SCULPTRA ในตอนนี้ค่ะ

SCULPTRA เห็นผลทันทีหรือไม่ ผลลัพธ์อยู่ได้นานเท่าไหร่ ?

ผลลัพธ์หลังการรักษาด้วย SCULPTRA จะยังไม่สามารถเห็นผลลัพธ์หลังทำทันที หรืออาจจะมีการเปลี่ยนแปลงจะเกิดขึ้นเพียงเล็กน้อย แต่ผลลัพธ์จะค่อย ๆ ดีขึ้นเรื่อย ๆ อย่างต่อเนื่อง หน้าจะดูไม่แข็งแต่ให้ความเป็นธรรมชาติมาก เพราะอนุภาคของ SCULPTRA หรือสาร Poly-L-Lactic (PLLA-SCA) จะค่อยๆเข้าไปทำปฏิกิริยาในใต้ชั้นผิวลึกและเริ่มกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในผิวของตัวเองให้เพิ่มขึ้น ทำให้จะเริ่มเห็นการเปลี่ยนแปลงได้หลังการฉีดไปประมาณ 2-3 สัปดาห์ และจะเห็นผลลัพธ์ต่อเนื่องยาวนานถึง 2 ปี

ผู้ที่ฉีด SCULPTRA กี่ครั้งที่จะเห็นผลลัพธ์ และควรเว้นระยะห่างกี่สัปดาห์ ?

ผลลัพธ์หลังการฉีด SCULPTRA จะค่อย ๆ เห็นผลที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง จะเริ่มเห็นการเปลี่ยนแปลงหลังจากฉีดประมาณ 2-3 สัปดาห์เป็นต้นไป โดยตามผลการวิจัย SCULPTRA จะสามารถกระตุ้นให้เกิดการผลิต Collagen Type 1  สูงถึง 66.5% หลังจากฉีดไปแล้ว 3 เดือน ซึ่ง Collagen type 1 เป็นคอลลาเจนตัวที่ผิวของเราต้องการมากที่สุดด้วยโดยทั่วไปควรจะทำการฉีด 2-3 ครั้ง โดยเว้นในทุกๆ 4-6 สัปดาห์ เพื่อผลลัพธ์ที่คงอยู่ยาวนานและให้ประสิทธิภาพที่ดีขึ้น

วิธีการเตรียมตัวก่อนรักษาด้วย SCULPTRA ?

  • ควรงดยา แอสไพริน , NSAIDs เช่น Ibuprofen , Diclofenac , Ponstan เป็นเวลา 1 อาทิตย์ก่อนทำหัตถการ และควรปรึกษาแพทย์ก่อนที่จะหยุดยานั้นๆ
  • ควรงดวิตามิน St.John Wort , Ginko biloba , Primrose oil , Garlic , Ginseng , and Vitamin E เป็นเวลา 1 อาทิตย์ก่อนทำหัตถการ
  • ควรงดยาทาชนิดผลัดเซลล์ผิว เช่น Tretinoin (Retin-A) , Retinols , Retinoids , Glycolic Acid , หรือครีมในกลุ่ม “ Anti-Aging ” ทุกชนิด เป็นเวลา 3 วันก่อนทำ
  • ควรงดการแว็ก ผลักเซลล์ผิว การดึงขนหรือโกนขนบริเวณนั้น ๆ เป็นเวลา 3 วันก่อนทำหัตถการ
  • หากมีคอร์สทำหน้านวดหน้าหรือเลเซอร์ต่างๆ ควรทำมาก่อนอย่างน้อย 3 วัน ก่อนฉีดฟิลเลอร์หรือร้อยไหม เพราะหลังทำต้องเว้นไปอีก 2 อาทิตย์
  • หากมีโรคประจำตัว หรือยาที่กินเป็นประจำอื่น ๆ ควรเตรียมข้อมูลไว้เพื่อแจ้งกับแพทย์ก่อนที่จะทำหัตถการ

วิธีการนวด SCULPTRA หลังฉีด ?

Step 1

ใช้นิ้วหัวแม่มือนวดบริเวณขมับทั้ง 2 ข้าง และ ใช้กำปั้นค่อยๆ นวดเลื่อนจากบริเวณหน้าผากไปทางขมับด้านข้าง

Step 2

ทำมือในลักษณะยกนิ้วหัวแม่มือขึ้น แนบบริเวณแก้มออกไปบริเวณข้างแก้มพร้อมกันโยกดแล้วค่อยๆ เลื่อน อย่างช้าๆ

Step 3

ใช้อุ้มมือกดบริเวณช่วงข้างแก้ม แล้วค่อยๆ นวดไล่จากด้านล่างขึ้นไปด้านบนจนถึงโหนกแก้ม ทำซ้ำไปมาหลายๆครั้ง เพื่อช่วยยกกระชับผิวหน้า

Step 4

ทำมือลักษณะเดียวกันกับ Step 2 บริเวณคาง แล้ว ค่อยๆเลื่อนขึ้นไปตามแนวกราม

SCULPTRA มีผลข้างเคียงอะไรบ้าง ปลอดภัยไหม ?

อาการทั่วไปหลังการฉีดในช่วง 1-2 วันแรก แล้วจะหายไปเองจะมีเพียงอาการบวม แดง ช้ำ หรือมีอาการปวดเล็กน้อย ผลข้างเคียงอื่น ๆ ส่วนมากก็จะไม่ได้รุนแรงอะไร แต่หากหลังจากฉีดไปแล้วอาจจะคลำเจอตุ่มนูนหรือก้อนเล็ก ๆ ใต้ผิวหนังก็ไม่ต้องกังวลไป เพราะสามารถทำตามที่คุณหมอแนะนำคือให้เน้นนวดบริเวณที่ฉีด SCULPTRA มา เพื่อให้อนุภาคของสารที่ฉีดไม่ไปเกาะกลุ่มกันเป็นก้อน นอกจากนี้ SCULPTRA ยังถือเป็น Collagen biostimulator ตัวแรกของโลก และตัวเดียวที่ผ่านการรับรองจาก US-FDA ยิ่งเป็นการตอกย้ำความมั่นใจในเรื่องของความปลอดภัยต่อร่างกายของคนไข้ได้เป็นอย่างดีค่ะ

คำแนะนำหลังการรักษาด้วย SCULPTRA เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดี ?

หลังจากการฉีดคนไข้สามารถกลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ ไม่จำเป็นต้องนอนพักฟื้น แต่สามารถประคบเจลเย็นบริเวณที่ทำการฉีดในช่วง 24 ชั่วโมงแรก เพื่อช่วยลดอาการบวมได้ นอกจากนี้ควรหลีกเลี่ยงการแต่งหน้า การอบซาวน่า การอบไอน้ำเป็นระยะเวลา 24 ชั่วโมงก่อน รวมถึงหลีกเลี่ยงการสัมผัสแสงแดดและแสงยูวี จนกว่าอาการบวมและแดงจะหายไป นอกจากนี้ต้องไม่ไปฉีดหรือทำการรักษาหน้าด้วยหัตถการอื่นๆหลังฉีดมาแล้ว เว้นไปประมาณ 2-4 สัปดาห์หลังจากนี้ และสิ่งสำคัญหลังจากฉีด SCULPTRA  ไปแล้วต้องคอยนวดโดยใช้หลักการแบบ Triple5 เพื่อให้อนุภาคสาร PLLA กระจายตัวไปทั่วบริเวณใบหน้า และ ไปช่วยกระตุ้นคอลลาเจนในบริเวณที่เราต้องการ ซึ่งจะต้องทำการนวดครั้งละ 5 นาที  5 ครั้งต่อวัน เป็นระยะเวลาติดต่อกัน 5 วัน ทำให้ได้ผลลัพธ์ที่ดียิ่งขึ้น