การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา คือ การฉีดสารเติมเต็มฟิลเลอร์ในกลุ่มไฮยาลูรอนิค แอซิด (HA : Hyaluronic Acid)เข้าไปใต้ผิวบริเวณใต้ตาที่มีปัญหา เช่น ขอบตาหมองคล้ำ ริ้วรอยใต้ตา ร่องใต้ตา
เบ้าตาลึก ถุงใต้ตา ทำให้ใบหบ้าดูโทรม อ่อนล้า ดูแก่กว่าวัย และสร้างความไม่มั่นใจ
การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา สามารถช่วยเติมเต็มในส่วนที่มีการยุบตัวของกระดูก ช่วยพยุงเอ็นยึดใต้ตาให้กลับไปสู่ที่เดิม แก้ไขริ้วรอยใต้ตาและสีหมองคล้ำ ให้กลับมาเต่งตึงอีกครั้ง
ในฟิลเลอร์จะมีคุณสมบัติเพิ่มความชุ่นชื้นให้กับผิว และยังช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนให้ผิวบริเวณที่ฉีดอีกด้วยค่ะ
ขอบตาดำจากโรคภูมิแพ้ (Allergic Shiner)
โดยหลัก ๆ แล้วมักจะเกิดจากภูมิแพ้จมูกอักเสบ หรือภูมิแพ้ตา ผู้ป่วยภูมิแพ้จมูกอักเสบมักจะมีอาการน้ำมูกไหล คัดจมูก คันจมูก และจาม ผู้ป่วยที่มีอาการคัดจมูกเรื้อรัง เยื่อบุจมูกมักจะบวม การบวมจะทำให้เลือดดำไหลผ่านได้ยาก เลือดดำจึงคั่งอยู่บริเวณใต้ตาล่างทำให้ผิวบริเวณใต้ตาล่างดำนั่นเอง ส่วนผู้ป่วยภูมิแพ้ตา จะมีอาการคันตา เคืองตา อาการเหล่านี้ทำให้เผลอขยี้ตาแรง ๆ ส่งผลให้ผิวหนังรอบดวงตาดำคล้ำ หรือมีรอยเหี่ยวย่นเกิดขึ้น
พักผ่อนไม่เพียงพอ
การอดนอน หรือ พักผ่อนไม่เพียงพอ ทำให้เส้นเลือดรอบดวงตาไหลเวียนไม่สะดวก ทำให้เกิดการขยายตัวของเส้นเลือดดำ จึงเห็นเป็นรอยคล้ำใต้ตา
วิธีแก้ไข จัดการกับความเครียด เนื่องจากความเครียดอาจส่งผลให้มีปัญหาในการนอน และควรจัดหมอนหนุนรองนอนให้สูงขึ้น เพื่อช่วยลดปริมาณของเหลวที่สะสมอยู่บริเวณใต้ตา
การสูบบุหรี่และดื่มแอลกอฮอล์
บุหรี่ทำให้ขอบตาคล้ำยิ่งขึ้น และการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อาจทำให้เส้นเลือดใต้ผิวหนังขยายตัวจนเห็นเป็นรอยคล้ำใต้ดวงตา
กรรมพันธุ์
หากคุณพ่อคุณแม่ญาติพี่น้องหรือบรรพบุรุษมีขอบตาที่ดำ ก็มีโอกาสที่จะมีขอบตาดำมากกว่าคนปกติเท่านั้น นอกจากนั้นหาก มีสีผิวที่ขาว จะยิ่งทำให้เห็นได้ชัดถึงความคล้ำมากกว่าคนผิวเหลือง น้ำตาล หรือดำ
อายุที่เพิ่มมากขึ้น
ขั้นตอนการเกิดของรอยหมองคล้ำใต้ตา ร่องใต้ตา ถุงใต้ตา
1.ผิวหนังบางลง (Skin thining) : บริเวณรอบดวงตาจะไม่มีไขมันชั้นตื้น (Subcutaneous fat) เมื่ออายุมากขึ้น ผิวหนังรอบดวงตาบางลง ดังนั้นเวลาที่เราเห็นรอยคล้ำใต้ตา เกิดเนื่องจากสีของกล้ามเนื้อ
2.คอลลาเจนถูกสร้างลดลง (Collagen degeneration) : เกิดเป็นริ้วรอยใต้ตา(Wrinkle)ได้ง่าย
3.Tear trough ligament laxity : กระดูกเบ้าตายุบตัว จึงทำให้เอ็นยึดใต้ตาหย่อนตาม ส่วนพวกกล้ามเนื้อและไขมันชั้นลึกจะไม่มีที่ยึดเกาะ จึงทำให้ทุกอย่างทรุดตัวลงเกิดเป็นร่องใต้ตา
4.Tear trough ligament (Zygomaticocutaneous ligament laxity) : เอ็นยึดใต้ตาหย่อนตัวลง ก็จะมีไขมันบางส่วนเปลี่ยนตำแหน่งไป เกิดการสะสมและยื่นลงมากลายเป็นลักษณะถุงใต้ตา
โดยเลือกฟิลเลอร์นิ่มใช้เป็นการเติมฟิลเลอร์ใต้ตาชั้นตื้น จะเก็บรายละเอียดสีคล้ำใต้ตา ร่องและริ้วรอยตื้นๆ บริเวณผิวหนังใต้ตาที่เกิดจากการขาดคอลลาเจน
การเติมฟิลเลอร์ใต้ตาจะเห็นผลการเปลี่ยนแปลงทันทีหลังจากที่ฉีดเสร็จ หลังจากนั้นฟิลเลอร์ก็จะค่อยๆเข้าที่ในวันที่ 3 และเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนขึ้นใช้เวลาประมาณ 1-2 สัปดาห์
ขึ้นอยู่กับการเลือกใช้รุ่น และยี่ห้อของฟิลเลอร์ โดยทั่วไปจะอยู่ได้นาน 12-18 เดือน และขึ้นอยู่กับการดูแลตัวเองหลังฉีดฟิลเลอร์ พยายามหลีกเลี่ยงพฤติกรรมที่ทำให้ฟิลเลอร์สลายไวขึ้น
1. ควรงดยา แอสไพริน , NSAIDs เช่น Ibuprofen , Diclofenac , Ponstan เป็นเวลา 1 อาทิตย์ก่อนทำหัตถการ และควรปรึกษาแพทย์ก่อนที่จะหยุดยานั้นๆ
2. ควรงดวิตามิน St.John Wort , Ginko biloba , Primrose oil , Garlic , Ginseng , and Vitamin E เป็นเวลา 1 อาทิตย์ก่อนทำหัตถการ
3. ควรงดยาทาชนิดผลัดเซลล์ผิว เช่น ยาประเภทอนุพันธ์วิตามินเอ , Retinols , Retinoids , Glycolic Acid , หรือครีมในกลุ่ม “ Anti-Aging ” ทุกชนิด เป็นเวลา 3 วันก่อนทำ
4. ควรงดการแว็ก ผลักเซลล์ผิว การดึงขนหรือโกนขนบริเวณนั้นๆ เป็นเวลา 3 วันก่อนทำหัตถการ
5. หากมีคอร์สทำหน้านวดหน้าหรือเลเซอร์ต่างๆ ควรทำมาก่อนอย่างน้อย 3 วัน ก่อนฉีดฟิลเลอร์หรือร้อยไหม เพราะหลังทำต้องเว้นไปอีก 2 อาทิตย์
6. หากมีโรคประจำตัว หรือยาที่กินเป็นประจำอื่นๆ ควรเตรียมข้อมูลไว้เพื่อแจ้งกับแพทย์ก่อนที่จะทำหัตถการ
1. งดเลเซอร์ อบซาวหน้า นวดหน้าลงความร้อนบริเวณหน้าอย่างน้อย 1 เดือน
2. งดทานยาหรือวิตามินที่ทำให้เลือดออกมากขึ้น เช่น แอสไพริน , วิตามินอี , ใบแป๊ะก๊วย ในช่วง 1 สัปดาห์แรก
3. งดดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เหล้า เบียร์ บุหรี่ อย่างน้อย 2 สัปดาห์
4. หลีกเลี่ยงความร้อนต่างๆบริเวณใบหน้า เช่น การเป่าผม และ การล้างหน้าด้วยน้ำอุ่น
5. ดื่มน้ำเยอะๆขั้นต่ำ 2-3 ลิตร ต่อวัน เนื่องจากฟิลเลอร์จะฟูขึ้น ทำให้อยู่ได้นาน
6. ไม่ควรกดนวดคลึงลูบคลำ หรือปั้นเอง บริเวณตำแหน่งที่มีการฉีดฟิลเลอร์ เพื่อลดการเคลื่อนย้ายของตัวยาไปตำแหน่งที่ไม่ต้องการ
7. สามารถแต่งหน้าได้ตามปกติในวันรุ่นขึ้นหลังฉีดฟิลเลอร์
ข้อดีของการฉีดฟิลเลอร์ |
1.ช่วยเติมเต็มใบหน้าให้ดูเต่งตึง |
2.ฉีดเติมเต็มริ้วรอย รอยหมองคล้ำดูจางลง |
3.ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ไม่มีแผล เห็นผลลัพธ์ทันทีหลังฉีด ใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ |
4.เหมาะกับคนที่ไม่อยากผ่าตัด ไม่อยากต้องพักฟื้น |
5.ฟิลเลอร์สลายเองได้ |
6.หากแพ้ สามารถฉีดสลายได้ |
ข้อเสียของการฉีดฟิลเลอร์ |
1.ฟิลเลอร์ไม่สามารถอยู่ได้ถาวร เนื้อฟิลเลอร์จะสลายไปตามระยะเวลาของแต่ละยี่ห้อ ไม่มีสารตกค้าง |
2.ฟิลเลอร์มีราคาสูง |
3.หลังฉีดอาจมีอาการ บวม แดง ช้ำ หรือรอยเข็มในจุดที่ทำ แต่จะหายไปเองใน 2-3วัน |
4.ต้องระวังฟิลเลอร์ปลอมไม่ได้มาตรฐาน (ฟิลเลอร์ปลอมการสลายตัวจะไม่100%) |
5.หากแพทย์ที่ฉีดไม่มีประสบการณ์ เลือกเนื้อฟิลเลอร์และฉีดด้วยเทคนิคที่ไม่ถูกต้อง อาจทำให้ผลออกมาไม่เป็นธรรมชาติหรือเป็นก้อน |
การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา เป็นตำแหน่งที่เมื่อเติมเต็มแล้วจะช่วยทำให้ใบหน้าสดใส ดูมีชีวิตชีวาสดใสมากขึ้น แต่ถ้าหากฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาผิดพลาด จะสามารถเห็นได้อย่างชัดเจนเช่นกัน เพราะผิวหนังบริเวณใต้ตานั้นบางกว่าบริเวณอื่นๆ
ปัญหาการ " ฉีดฟิลเลอร์แล้วเป็นก้อนบวม " ก็จะมีเรื่องของตัวฟิลเลอร์เอง ปริมาณฟิลเลอร์ที่ใช้ เทคนิคการฉีด และลักษณะกล้ามเนื้อกล้ามในบริเวณที่ฉีด เช่น กล้ามเนื้อมีความแข็งแรงมาก เมื่อฉีดฟิลเลอร์เข้าไปอยู่บริเวณนั้นอาจทำให้เกิดการดันฟิลเลอร์ขึ้นมาเป็นก้อนได้ค่ะ สาเหตุที่ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาแล้วมีปัญหาใต้ตาเป็นก้อน มีดังนี้
บริเวณใต้ตา เป็นบริเวณที่ผิวหนังค่อนข้างบอบบางและมีความเสี่ยงสูง ดังนั้นแพทย์ต้องมีความรู้เกี่ยวกับโครงสร้างใบหน้าและกายวิภาคของมนุษย์ ทราบตำแหน่งในการฉีดฟิลเลอร์อย่างถูกต้องและเหมาะสมกับคนไข้ รวมถึงต้องใช้เทคนิคเฉพาะสำหรับการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาด้วย การขาดความรู้ดังกล่าวจะส่งผลให้ฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นก้อน อาจเกิดความผิดพลาดและทำให้เกิดอันตรายถึงขั้นตาบอดได้
เนื้อฟิลเลอร์ที่ใช้บริเวณใต้ตาควรเป็นฟิลเลอร์เนื้อนิ่ม โมเลกุลเล็ก มีความเหนียวน้อย และมีความยืดหยุ่นสูง เมื่อฉีดเข้าไปใต้ชั้นผิวหนังแล้วไม่ย้อย สามารถเข้ารูปได้ดี เพื่อป้องกันไม่ให้ฟิลเลอร์จับกันเป็นก้อนแข็ง และต้องคำนึงถึงฟิลเลอร์ที่เหมาะสมกับผิวของคนไข้ด้วยค่ะ
ปริมาณที่ใช้ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ขึ้นอยู่กับปัญหาใต้ตาของแต่ละคน และใต้ตาแต่ละปัญหา เช่น ใต้ตาคล้ำ ร่องใต้ตา ถุงใต้ตาก็จะรักษาแตกต่างกัน หากเกินปริมาณมาตรฐานอาจทำให้ฟิลเลอร์อยู่ภายในใต้ตามากเกินไปจนทำให้เห็นเป็นก้อน
เพราะฟิลเลอร์ปลอมไม่สามารถสลายตามธรรมชาติได้เลยจับตัวเป็นก้อน เมื่อมีปัญหาจะต้องทำการขูดออกหรือศัลยกรรมผ่าตัดออกเท่านั้นค่ะ
หากฉีดฟิลเลอร์แท้ หรือ ฟิลเลอร์ที่เป็นสารเติมเต็มจาก Hyaluronic Acid ก็สามารถฉีดสลายได้โดยใช้ไฮยาลูโรนิเดส (Hyaluronidase) ฉีดสลาย หลังฉีดสลายจะเห็นผลหลังฉีดทันทีฟิลเลอร์ที่เป็นก้อนอยู่ใต้ตานั้นจะสลายไปทันทีโดยจะเข้าไปลดคุณสมบัติการอุ้มน้ำของฟิลเลอร์
ทำให้ฟิลเลอร์ค่อยๆยุบตัวลง และสลายหายไปในที่สุด หรือถ้าหากแพทย์ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาแล้วเรารู้สึกไม่พอใจในผลลัพธ์ที่ออกมาก็สามารถฉีดสลายออกได้เช่นกัน จะเห็นผลหลังฉีดทันทีในบางส่วน โดยระยะเวลาการสลายทั้งหมดจะอยู่ที่ประมาณ 24- 72 ชั่วโมงค่ะ