รวมวิธีลดเหนียง ที่ใช้ได้จริง แบบธรรมชาติและแบบเร่งด่วน เห็นผลใน 1 อาทิตย์

เ​​หนียงหรือไขมันใต้คางเป็นปัญหากวนใจที่ทำให้หน้าดูไม่เรียวและขาดความมั่นใจ หลายคนพยายามลดเหนียงแต่ไม่รู้จะเริ่มจากตรงไหนดี ในบทความนี้ เราได้รวบรวมวิธีลดเหนียงที่ใช้ได้จริง ทั้งแบบธรรมชาติและแบบเร่งด่วน ที่ช่วยให้เห็นผลภายใน 1 อาทิตย์ ไม่ว่าจะเป็นการออกกำลังกาย ปรับพฤติกรรมการกิน หรือเทคนิคพิเศษที่ช่วยกำจัดเหนียงได้เร็วขึ้น ทำตามได้ง่าย ๆ ที่บ้าน เพื่อใบหน้ากระชับและดูมีกรอบหน้าที่ชัดเจนมากขึ้น

สาเหตุของการเกิดเหนียง

อย่างแรกเลย เราควรจะทราบถึงสาเหตุของการเกิดเหนียงก่อน โดย “เหนียง” หรือไขมันใต้คาง เป็นภาวะที่เกิดจากการสะสมของไขมันใต้ผิวหนังบริเวณคาง หรือลำคอ โดยจะมีลักษณะเป็นก้อนเนื้อที่นิ่มห้อยลงมา ทำให้ใบหน้าดูอวบขึ้น และขาดความกระชับ แม้ว่าจะไม่ได้ส่งผลกระทบต่อสุขภาพโดยตรง แต่เหนียง สามารถเกิดได้จากหลายปัจจัย ดังนี้

  • พันธุกรรม : สำหรับบางบุคคลที่มีแนวโน้มจะเกิดเหนียงได้ง่ายขึ้น เนื่องจากพันธุกรรม หากพ่อแม่มีเหนียง ก็อาจส่งต่อทางพันธุกรรม ทำให้มีโอกาสเกิดเหนียงได้มากกว่าคนทั่วไป
  • อายุที่เพิ่มขึ้น : เมื่อคนเรามีอายุมากขึ้น เซลล์ในร่างกายจะเสื่อมสภาพลง ส่งผลให้ผิวหนังหย่อนคล้อย การเผาผลาญไขมันช้าลง และทำให้ไขมันสะสมได้ง่ายขึ้น โดยเฉพาะบริเวณใบหน้าและลำคอ ส่งผลให้เกิดเหนียงที่มองเห็นได้ชัด
  • การสะสมของไขมัน : การรับประทานอาหารที่มีไขมันสูงมากเกินไป เช่น ของทอด ของมัน รวมถึงอาหารที่มีแป้งและน้ำตาล เป็นประจำ ร่างกายจะกำจัดไม่หมด ส่งผลให้ไขมันสะสมตามส่วนต่างๆ ของร่างกาย รวมไปถึงบริเวณใต้คางจนเกิดเหนียง
  • โครงสร้างใบหน้าและคางสั้น : บุคคลที่มีคางสั้นมักเห็นเหนียงชัดเจน เนื่องจากปลายคางเชื่อมติดกับลำคอโดยตรง ทำให้เห็นเหนียงได้ชัดขึ้นเมื่อก้มหน้า
  • รับประทานของหวานมากเกินไป : ซึ่งรวมไปถึง น้ำอัดลม ชานมไข่มุก ขนมหวาน และเค้ก เป็นต้น เมื่อร่างกายได้รับน้ำตาลมากเกินไป น้ำตาลจะเปลี่ยนเป็นไขมันสะสมตามส่วนต่างๆ ของร่างกาย รวมไปถึงบริเวณเหนียง นอกจากนี้ น้ำตาลยังส่งผลเสียต่อผิวหนัง ทำให้ผิวเสื่อมสภาพ เหี่ยวย่น และดูแก่ก่อนวัย
  • รับประทานโซเดียมมากเกินไป : ไม่ได้จำกัดอยู่แค่อาหารที่มีรสชาติเค็มจัด แต่ยังรวมไปถึงอาหารแช่แข็ง อาหารสำเร็จรูป และเครื่องปรุงรสต่างๆ เมื่อรับประทานเข้าไป ร่างกายจะกักเก็บน้ำมากขึ้น เพื่อขับโซเดียม ส่งผลให้เกิดอาการบวมน้ำได้ ทำให้ใบหน้าดูอวบขึ้นและทำให้เห็นเหนียงได้ชัดกว่าเดิม
  • การรับประทานมื้อดึก : เนื่องจากระบบย่อยอาหารต้องใช้เวลาหลายชั่วโมงในการย่อยอาหาร การรับประทานมื้อดึกเป็นประจำ จะส่งผลต่อระบบเผาผลาญของร่างกาย ทำให้เกิดการสะสมของไขมัน
  • การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ : แอลกอฮอล์เป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดเหนียง เนื่องจากส่งผลต่อระบบเผาผลาญของร่างกาย ทำให้เกิดการสะสมของไขมัน นอกจากนี้ ยังทำให้ร่างกายเกิดภาวะขาดน้ำ ส่งผลให้ร่างกายกักเก็บน้ำมากขึ้น เกิดอาการบวมน้ำ
  • ท่าทางที่ไม่เหมาะสม : การนั่งหรือการยืนในท่าที่ไม่เหมาะสม เช่น การก้มหน้ามากเกินไป หรือการจ้องโทรศัพท์เป็นเวลานาน อาจทำให้กล้ามเนื้อบริเวณคอหรือคางอ่อนแอลง ส่งผลให้ไขมันสะสมได้ง่ายขึ้น

การมีเหนียงและไม่มีเหนียง ส่งผลอะไรบ้าง

การมีเหนียง เป็นภาวะที่เกิดจากการสะสมของไขมันใต้ผิวหนังบริเวณคาง หรือลำคอ โดยจะมีลักษณะเป็นก้อนเนื้อที่นิ่มห้อยลงมา ทำให้ใบหน้าดูอวบขึ้น และขาดความกระชับ อาจส่งผลกระทบในหลายด้าน เช่น ด้านรูปลักษณ์อาจทำให้สูญเสียความมั่นใจเวลาพบปะผู้คน ทำให้ไม่กล้าออกงานสังคม และรู้สึกไม่มั่นใจเวลาถ่ายรูป นอกจากนี้อาจทำให้เสียโอกาสในหน้าที่การงาน สำหรับบางอาชีพ เช่น พนักงานต้อนรับ แอร์โฮสเตส หรือพนักงานขาย รวมถึงอาจเป็นสัญญาณเตือนด้านสุขภาพ เช่น ไขมันในเลือดสูง, ความดันโลหิตสูง, เบาหวาน, และโรคเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ

ส่วนการไม่มีเหนียง ใบหน้าที่มีความเรียวเล็กคล้ายรูปไข่ กรอบหน้าจะมีความคมชัด ใบหน้ามีความสมส่วน และดูมีมิติ ซึ่งจะช่วยเสริมความมั่นใจทางด้านภาพลักษณ์ ไม่ต้องมีความกังวลเวลาเข้าสังคม เวลาถ่ายรูป เวลาพบปะผู้คน และสามารถเลือกเสื้อผ้าได้ง่าย นอกจากนี้ ยังเป็นการเพิ่มโอกาสในหน้าที่การงาน และด้านสุขภาพจะลดความเสี่ยงในการเกิดภาวะหยุดหายใจขณะหลับ และลดความเสี่ยงต่อการเกิดปัญหา สุดท้าย ช่วยเสริมโหงวเฮ้งตามความเชื่อ ที่เชื่อว่าการมีใบหน้าที่เรียวจะช่วยเสริมโชคลาภและความเจริญรุ่งเรืองในชีวิต

วิธีลดเหนียง ลดแก้ม แบบเร่งด่วน เห็นผลใน 1 อาทิตย์

Mesofat-หน้าเรียว-ไม่ต้องผ่าตัด

1. ฉีดเมโสแฟต ลดเหนียง ลดแก้ม

การฉีดเมโสแฟตเป็นวิธีลดไขมันสะสมบริเวณแก้มและเหนียงที่ได้รับความนิยม ตัวอย่างแบรนด์ที่ดัง ๆ อย่างเช่น babi neo one (เมโสแฟต บาบิ นีโอ วัน) โดยแพทย์จะฉีดตัวยาเข้าสู่ชั้นไขมันใต้ผิวหนังเพื่อช่วยสลายไขมัน ทำให้เซลล์ไขมันแตกตัว และถูกขับออกทางระบบขับถ่ายของร่างกาย ส่งผลให้แก้มและเหนียงดูเล็กลง กระชับขึ้น หลังฉีดอาจมีอาการบวมเล็กน้อยจากตัวยา แต่จะค่อย ๆ ยุบลงภายใน 3-4 ชั่วโมง และเริ่มเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนภายใน 2-3 สัปดาห์

2. Thermage ลดเหนียง สลายไขมัน

Thermage เป็นเทคโนโลยีที่ใช้คลื่นวิทยุ (Radio Frequency – RF) ในการกระชับผิว และช่วยสลายไขมันบริเวณใต้คาง โดยคลื่น RF จะส่งพลังงานลงไปยังชั้นผิวหนัง ซึ่งจะช่วยกระตุ้นให้เกิดการสร้างคอลลาเจนขึ้นมาใหม่ ทำให้ผิวหนังเกิดความกระชับ และเต่งตึงขึ้น รวมถึงช่วยลดไขมันสะสมบริเวณเหนียง และลำคอ โดยวิธีการนี้เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาผิวหนังหย่อนคล้อย และไขมันสะสมใต้คางโดยไม่ต้องทำการผ่าตัด Thermage สามารถอยู่ได้นานถึง 1 – 2 ปี

3. Hifu ลดเหนียง ลดไขมันแก้ม

HIFU (High-Intensity Focused Ultrasound) เป็นเทคโนโลยีที่ช่วยยกกระชับผิว ลดไขมันสะสมบริเวณแก้ม เหนียง และลำคอ โดยใช้คลื่นอัลตราซาวด์ความเข้มข้นสูงส่งพลังงานลงไปใต้ชั้นผิวเพื่อสร้างความร้อน ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสติน ส่งผลให้ผิวดูกระชับขึ้น ริ้วรอยลดลง และกรอบหน้าชัดเจนขึ้น โดยวิธีการนี้สามารถลดเหนียงและไขมันแก้มได้โดยไม่ต้องผ่าตัด พร้อมทั้งช่วยให้เนื้อเยื่อใต้ผิวหนังหดตัว ทำให้ผลลัพธ์ดูเป็นธรรมชาติ HIFU อยู่ได้นานประมาณ 6–12 เดือน

4. ฉีดโบท็อก ลดเหนียง

การฉีดโบท็อกลดเหนียง หรือที่เรียกว่า Nefertiti Lift เป็นเทคนิคที่ใช้สารโบทูลินั่ม ท็อกซิน (Botox) ฉีดเข้าไปที่กล้ามเนื้อ Platysma ซึ่งเป็นกล้ามเนื้อใต้คาง ที่มีบทบาทในการดึงรั้งผิวลงมา ส่งผลให้เกิดเหนียงและผิวหย่อนคล้อย โดยแพทย์จะกำหนดจุดฉีดโดยทั่วไปประมาณ 3-5 จุด บริเวณใต้คาง และลำคอ โดยสารโบท็อกจะช่วยลดการทำงานของกล้ามเนื้อ ทำให้กล้ามเนื้อคลายตัว ผิวใต้คางดูเรียบตึงขึ้น กรอบหน้าชัดเจนขึ้น และช่วยให้ลำคอดูเรียวยาวขึ้น ฉีดโบท็อกลดเหนียงอยู่ได้นานประมาณ 4-6 เดือน 

5.ฉีดฟิลเลอร์ลดเหนียง

การฉีดฟิลเลอร์ลดเหนียง เป็นการรักษาโดยแพทย์จะทำการฉีดเข้าตรงบริเวณคาง คล้าย ๆ กับการทำฟิลเลอร์หน้าเรียว โดยจะเน้นไปที่บริเวณคาง เพื่อเติมเต็มร่องลึกใต้คาง ช่วยให้กรอบหน้าชัดขึ้น รวมถึงปรับรูปทรงคางให้แหลมเรียวขึ้น ช่วยให้ใบหน้าดูยาวขึ้นและสมส่วนมากขึ้น นอกจากนี้ แพทย์อาจพิจารณาฉีดฟิลเลอร์บริเวณอื่น ๆ เพิ่มเติม เช่น แก้มหรือใต้โหนกแก้มร่วมด้วย เพื่อปรับรูปหน้าให้เรียว ดูสมส่วน พร้อมลดเหนียงและปรับแต่งรูปหน้าให้ได้โหงวเฮ้งใบหน้าที่เหมาะสมแถมมาด้วย

ร้อยไหม-หน้าเรียว-ไม่ต้องผ่าตัด

6. ร้อยไหมกรอบหน้า ลดเหนียง

การร้อยไหมเป็นวิธีที่ช่วยยกกระชับผิว เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาแก้มเยอะ หรือผิวบริเวณแก้มและเหนียงหย่อนคล้อย แม้ว่าวิธีนี้จะไม่ได้ช่วยลดไขมันโดยตรง แต่สามารถปรับรูปหน้าให้ดูเรียวขึ้น และทำให้กรอบหน้าชัดเจนขึ้น โดยใช้ไหมละลายชนิดพิเศษเพื่อดึงกระชับผิวที่หย่อนคล้อยให้ตึงขึ้น โดยไม่ต้องผ่าตัด การร้อยไหมกรอบหน้าลดเหนียงสามารถอยู่ได้นาน 6 เดือนถึง 1 ปี ขึ้นอยู่กับประเภทของไหมและสภาพผิวของแต่ละบุคคล

Mesofat-หน้าเรียว-ไม่ต้องผ่าตัด

7. ดูดไขมัน

การดูดไขมันเป็นวิธีลดไขมันสะสมบริเวณใบหน้า แก้ม เหนียง และกรอบหน้า เพื่อให้ใบหน้าดูเรียวและมีโครงหน้าที่ชัดเจนขึ้น โดยแพทย์จะทำการเปิดแผลขนาดเล็กในตำแหน่งที่ต้องการดูดไขมัน จากนั้นใช้เครื่องมือเฉพาะทางสอดเข้าไปเพื่อดูดไขมันส่วนเกินออก โดยการดูดไขมันจะให้ผลลัพธ์ที่รวดเร็ว เห็นความเปลี่ยนแปลงได้ทันทีหลังทำ แต่อาจมีผลข้างเคียง เช่น อาการบวม ฟกช้ำ หรือผิวไม่เรียบเนียน และในบางครั้งอาจเกิดรอยแผลเป็นขนาดเล็ก 

Mesofat-หน้าเรียว-ไม่ต้องผ่าตัด

8.CoolSculpting

เป็นเครื่องมือสลายไขมันด้วยความเย็น โดยเครื่องมือนี้สามารถส่งความเย็นเจาะลึกลงสู่ชั้นไขมันใต้ผิวหนัง ความเย็นที่ส่งลงไปจะเข้าไปทำให้เซลล์ไขมันแข็งตัวและตาย ไขมันจะถูกขับออกจากร่างกายผ่านระบบขับถ่าย เช่น เหงื่อหรือปัสสาวะ CoolSculpting ช่วยลดไขมันได้ถึง 25-30% ต่อการทำ 1 ครั้ง

9.Ulthera ลดเหนียง

Ulthera ลดเหนียง เป็นการรักษาโดยแพทย์จะใช้พลังงานคลื่นเสียงความถี่สูง แปลงเป็นพลังงานความร้อน ยิงลงบริเวณเนื้อเยื่อชั้น SMAS พลังงานความร้อนจะทำให้เนื้อเยื่อหดตัว ทำให้ผิวหนังเกิดความกระชับขึ้น ใบหน้าดูเรียว กรอบหน้าชัดเจนขึ้น และกระตุ้นให้เกิดการสร้างคอลลาเจนขึ้นมาใหม่

10.การผ่าตัดลดแก้ม

การผ่าตัดลดแก้ม เป็นวิธีการที่เหมาะสำหรับบุคคลที่มีบริเวณกระพุ้งแก้มใหญ่ แก้มป่อง และแก้มเยอะ โดยแพทย์จะผ่าตัดเอาไขมันกระพุ้งแก้มออกเพื่อลดขนาดแก้ม แพทย์จะทำการผ่าเปิดแผลบริเวณด้านในช่องปาก เพื่อนำไขมันที่อยู่บริเวณชั้นลึกที่สุดใกล้กับกระพุ้งแก้มออกมา การผ่าตัดลดแก้มให้ผลลัพธ์ที่ถาวร

วิธีลดเหนียง ลดแก้ม แบบธรรมชาติ

1. ออกกำลังกาย

การออกกำลังกาย เพื่อลดแก้มหรือเหนียงใต้คาง เป็นการบริหารกล้ามเนื้อบนใบหน้าเพื่อให้เกิดความกระชับและป้องกันผิวหนังบริเวณใบหน้าหย่อนคล้อย โดยท่าบริหารมีดังนี้

  • ท่าที่ 1 ใช้นิ้ววางบนแก้มทั้ง 2 ข้าง จากนั้นอ้าปากให้กว้าง ก่อนที่จะใช้นิ้วดันยกแก้มขึ้นทิ้งไว้ จนรู้สึกตึงบนใบหน้า ค้างท่านี้ไว้ 5 วินาที จากนั้นทำซ้ำ 10 ครั้ง ท่านี้จะช่วยบริหารกล้ามเนื้อให้เกิดความกระชับ และทำให้แก้มมีขนาดที่เล็กลง
  • ท่าที่ 2 เงยหน้าขึ้น และดูดแก้มเข้าหากันให้ได้มากที่สุด ทำค้างท่านี้ไว้ 5 วินาที จากนั้นทำซ้ำ 10 ครั้ง ท่านี้จะช่วยบริหารกล้ามเนื้อตรงบริเวณแก้ม ช่วยให้สันกรามมีความชัดขึ้น และช่วยลดเหนียงตรงบริเวณใต้คาง รวมถึงทำให้ใบหน้าดูเรียวขึ้น
  • ท่าที่ 3 เงยหน้าขึ้น และขยับริมฝีปากล่างให้ครอบทับริมฝีปากบนให้ได้มากที่สุด ทำค้างท่านี้ไว้ 10 วินาที จากนั้นทำซ้ำ 10 ครั้ง ท่านี้จะทำให้ความรู้สึกตึง ซึ่งจะช่วยให้กล้ามเนื้อกรามตรงบริเวณกรอบหน้า และเหนียงใต้คางเกิดความกระชับ

2. ปรับท่านอน

ท่านอนไม่ได้ช่วยลดแก้มโดยตรง แต่ช่วยให้คนที่มีแก้ม หน้าไม่บวมขึ้น ควรใช้หมอนหนุนที่พอดี ไม่สูงหรือต่ำเกินไป เพื่อให้เลือดไหลเวียนสะดวก และไม่ควรนอนคว่ำ เพราะอาจทำให้ความชื้นสะสมบนใบหน้า ทำให้หน้าบวมหลังตื่นนอน

3. แต่งหน้าและปรับทรงผม

สำหรับบางคนที่มีแก้มเยอะ แก้มป่อง และใบหน้าดูกลม นิยมปล่อยผมเพื่อปิดแก้มทั้งสองข้าง หรือแต่งหน้าอำพราง เช่น การคอนทัวร์หรือเฉดดิ้งบริเวณกราม จะทำให้ใบหน้าดูมีมิติ เรียวขึ้น และแก้มดูเล็กลง

4. การจัดฟัน

การจัดฟันไม่ใช่การลดแก้มโดยตรง แต่ช่วยให้แก้มดูเล็กลงหรือตอบลง เนื่องจากการจัดฟันทำให้เคี้ยวอาหารไม่สะดวก รับประทานอาหารได้น้อยลง ไขมันบริเวณใบหน้าลดลง กล้ามเนื้อบริเวณกรามที่ใช้เคี้ยวอาหารทำงานน้อยลง ส่งผลให้แก้มดูเล็กลง

5. การทานอาหารที่มีประโยชน์

หลีกเลี่ยงการรับประทานแป้ง ของหวาน ของทอด ของมัน อาหารรสจัด และอาหารแช่แข็งที่มีโซเดียมสูง เพราะหากรับประทานอาหารเหล่านี้มากเกินไป ร่างกายจะกักเก็บน้ำมากขึ้นเพื่อขับโซเดียม ทำให้ร่างกายบวมน้ำ รวมไปถึงบริเวณแก้ม

6. การดื่มน้ำอย่างเพียงพอ

น้ำเป็นส่วนประกอบสำคัญของร่างกาย คนเราควรดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 8–10 แก้ว หรือ 1.5–2.7 ลิตรต่อวัน เพราะหากร่างกายขาดน้ำ ร่างกายจะสะสมน้ำสำรองไว้บริเวณแก้มและรอบดวงตา ส่งผลให้เกิดอาการบวมน้ำและแก้มดูใหญ่ขึ้น

7. การใช้อุปกรณ์ลดแก้ม

อุปกรณ์ลดแก้ม เช่น หินกัวซา ลูกกลิ้ง หรือการนวดใบหน้า ช่วยปรับสมดุลบนใบหน้า ปรับกล้ามเนื้อ และส่งเสริมการไหลเวียนเลือดและน้ำเหลือง ส่งผลให้ใบหน้าดูเรียวขึ้น กระชับ และเล็กลง ผิวหน้าดูสดใส

8. การดื่มน้ำอุ่นและการรับประทานอาหารที่อุ่น

การดื่มน้ำอุ่นและการรับประทานอาหารที่อุ่น จะช่วยเพิ่มอุณหภูมิของร่างกาย ทำให้เมตาบอลิซึมทำงานเร็วขึ้น ช่วยกระตุ้นการเผาผลาญพลังงาน และช่วยเร่งการย่อยอาหาร ส่งผลให้การสลายไขมันมีประสิทธิภาพมากขึ้น

9. หลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์

เครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ เช่น เหล้า เบียร์ หรือไวน์ ทำให้เลือดมีความเข้มข้นสูง ร่างกายต้องดึงน้ำจากส่วนอื่นมาเจือจางแอลกอฮอล์ในเลือด ปรับสมดุล และป้องกันภาวะขาดน้ำ ร่างกายจึงกักเก็บน้ำ เกิดอาการบวมโดยเฉพาะใบหน้าและแก้ม ส่งผลให้ใบหน้าดูบวม

10. หลีกเลี่ยงความเครียด

ความเครียดเป็นสาเหตุหนึ่งของการสะสมไขมันในร่างกาย เนื่องจากความเครียดกระตุ้นให้ร่างกายหลั่งฮอร์โมน “คอร์ติซอล” ส่งผลต่อการสะสมไขมันบริเวณใบหน้า

วิธีลดเหนียง แบบธรรมชาติ VS แบบเร่งด่วน

หัวข้อวิธีลดเหนียงแบบธรรมชาติวิธีลดเหนียงแบบเร่งด่วน
ตัวอย่างวิธีการออกกำลังกาย, ปรับท่านอน, จัดฟัน, แต่งหน้า, ทำผม, รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ฉีดโบท็อกซ์, เมโสแฟต, Thermage, Hifu, ฉีดฟิลเลอร์, ดูดไขมัน
ความปลอดภัยปลอดภัย ไม่มีผลข้างเคียงอาจมีผลข้างเคียง เช่น บวมแดง รอยช้ำ
ค่าใช้จ่ายไม่สูงค่อนข้างสูง
ผลลัพธ์ต้องใช้เวลาและความสม่ำเสมอเห็นผลทันทีหลังทำ
ผลกระทบต่อสุขภาพดีต่อสุขภาพในระยะยาวอาจต้องพักฟื้นหลังทำ
เหมาะกับใครผู้ที่ไม่ต้องการพึ่งหัตถการทางการแพทย์ผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ที่รวดเร็ว

สรุป

จากทั้งหมดที่กล่าวมา คงจะทราบแล้วว่า เหนียงใต้คางเป็นปัญหาที่ส่งผลทั้งต่อความงามและสุขภาพ เกิดจากหลายสาเหตุและมีวิธีแก้ไขหลากหลาย ทั้งแบบเร่งด่วนที่เห็นผลไว เช่น การฉีดฟิลเลอร์กรอบหน้า​ หรือการฉีดโบท็อกซ์ลดเหนียง เป็นต้น และแบบธรรมชาติที่ต้องอาศัยความสม่ำเสมอในการดูแลตนเอง การเลือกวิธีที่เหมาะสมขึ้นอยู่กับความต้องการและสภาพร่างกายของแต่ละบุคคล การผสมผสานทั้งสองวิธีอาจเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจและยั่งยืน